ทุกครั้งที่ Lamborghini มีรถโมเดลใหม่ออกมา เชื่อว่าคนรักความเร็วทุกคนต้องรู้สึกตื่นเต้นและตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ เพราะรถแต่ละรุ่นของค่ายกระทิงดุนั้นมักมาพร้อมกับคำว่าไม่ธรรมดาเสมอ เช่นเดียวกับ Temerario ซูเปอร์คาร์ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในไทยเมื่อไม่นานนี้ นี่คือทายาทที่มาสานต่อเรื่องราวจาก Huracan พร้อมกับการออกแบบใหม่หมดทั้งรูปลักษณ์ภายนอก ภายใน และระบบขับเคลื่อน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการขับขี่ให้สูงขึ้นควบคู่กับการปล่อยมลพิษให้น้อยลง มาดูกันว่าซูเปอร์คาร์รุ่นนี้น่าสนใจมากแค่ไหนและมีทีเด็ดอะไรซ่อนอยู่บ้าง
หัวใจดวงใหม่
หนึ่งในความตื่นเต้นของ Temerario คือการเปลี่ยนผ่านจากขุมพลังสันดาปล้วนอันเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของ Lamborghini มาเป็นขุมพลังไฮบริดที่มีระบบไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง แน่นอนว่ากลิ่นอายบางอย่างอาจสูญเสียไปบ้างแต่สิ่งได้กลับมาคือพละกำลังที่มากขึ้นพร้อมกับการปล่อยมลพิษที่ลดลง ซึ่งระบบไฮบริดนี้พัฒนาขึ้นมาเพื่อเพิ่มพละกำลังโดยเฉพาะ ไม่ได้ช่วยในเรื่องความประหยัดอย่างที่หลายคนเข้าใจแต่อย่างใด
ขุมพลังกลางลำตัวของ Temerario คือเครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ส่งมอบพละกำลังรวมทั้งระบบได้สูงสุด 907 HP (920 CV ตามหน่วยแรงม้าอิตาลี) พร้อมแรงบิดสูงสุด 730 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ AMT Dual Clutch 8 สปีด ขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ AWD
นอกจากเครื่องยนต์อันทรงพลังแล้ว Temerario ยังมีแบตเตอรี่ความจุ 3.8 kWh สำหรับกักเก็บพลังงานไฟฟ้าและสามารถชาร์จไฟได้ พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการใช้พลังงานแบบไฮบริดสำหรับการขับขี่ในเมืองและช่วยลดการปล่อยมลพิษ
งานออกแบบที่ดุดันและกล้าหาญ
ชื่อ Temerario เป็นชื่อของกระทิงต่อสู้ที่เป็นแชมป์เมื่อปี ค.ศ. 1875 และยังหมายถึงความดุดันและกล้าหาญ สิ่งนี้แสดงออกผ่านรูปลักษณ์ภายนอกที่มากับดีไซน์สุดเฉียบคมตั้งแต่หัวจรดท้าย มีการใช้องค์ประกอบรูปทรงหกเหลี่ยมในหลายจุด เช่น ไฟ Daytime หน้ารถ, ไฟท้าย LED, ฝาปิดถังน้ำมันและช่องชาร์จไฟ, ช่องรับอากาศด้านข้าง และปลายท่อไอเสีย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นลายเซ็นของ Lamborghini ที่ช่วยสร้างการจดจำให้กับ Temerario ได้ตั้งแต่ระยะไกล
โครงสร้างและเปลือกตัวถังภายนอกของ Temerario ทำจากวัสดุอะลูมิเนียมทั้งหมด รถมีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่ 43.4 : 56.6 ทุกส่วนของดีไซน์ถูกคิดและออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ผสานกับช่องรับอากาศรอบคันรถที่ช่วยส่งอากาศไปยังเครื่องยนต์ หม้อน้ำ เบรก และเทอร์โบได้อย่างเพียงพอ กระทิงดุรุ่นนี้จึงไม่เพียงแค่มีรูปลักษณ์ดุดันแต่ทุกส่วนของรถยังถูกคิดอย่างพิถีพิถันเพื่อเสริมประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในแง่การขับขี่และการควบคุม
สมรรถนะสุดเร้าใจ
ด้วยพละกำลังระดับ 900 แรงม้า ทำให้ Temerario เป็นซูเปอร์คาร์ตัวแรงที่สามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 2.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่าที่ 343 กม./ชม. ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกรสชาติความสนุกได้หลากหลายรูปแบบจากโหมดการขับขี่ที่มีให้เล่นกว่า 13 โหมด รองรับตั้งแต่การขับขี่แบบสุภาพในถนนเมือง ไปจนถึงปลดปล่อยความดุร้ายเต็มสูบบนแทร็ก
ด้านการหยุดยั้งความเร็ว Temerario มาพร้อมระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกประสิทธิภาพสูงที่เอาฝูงม้ากว่า 900 ตัวได้อยู่หมัด ในส่วนของยางเลือกใช้ Bridgestone Potenza Sport ล้อหน้าขนาด 255/35 ZR20 ล้อหลังขนาด 325/30 ZR21 มาเป็นมาตรฐานจากโรงงาน
ปรัชญา Feel like a pilot
ห้องโดยสารของ Temerario ออกแบบภายใต้แนวคิด Feel Like a Pilot ด้วยตำแหน่งเบาะนั่งที่ต่ำ แผงแดชบอร์ดดีไซน์บาง และพวงมาลัยที่เอียงหาผู้ขับ ช่วยให้เสริมความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการขับขี่ที่สนุกสนานตามแบบฉบับของ Lamborghini พร้อมด้วยบรรยากาศภายในที่ผสมผสานระหว่างความสปอร์ตและ DNA แห่งการแข่งขันเข้ากับระบบอินเทอร์เฟสดิจิทัลสุดล้ำที่ประกอบด้วยจอแสดงข้อมูลหน้าผู้ขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว จอแสดงผลกลางขนาด 8.4 นิ้ว และจอด้านหน้าผู้โดยสารขนาด 9.1 นิ้ว
งานตกแต่งภายในยังเน้นเส้นสายที่เฉียบคมและรูปทรงหกเหลี่ยมในจุดสำคัญ ผสานกับองค์ประกอบอันเป็นเอกลักษณ์อย่างปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์สีแดงที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินรบ เสริมความสบายด้วยเบาะนั่งปรับไฟฟ้า 18 ทิศทาง และมีการใช้วัสดุคุณภาพสูง เช่น คาร์บอน หนัง และหนังกลับ Corsatex by Dinamica ทั่วทั้งห้องโดยสารผสมผสานกันเพื่อสร้างประสบการณ์พร้อมความรู้สึกพิเศษในทุกการขับขี่
Lamborghini Temerario น่าจะเป็นกระทิงดุตัวใหม่ที่ถูกใจสาวกซูเปอร์คาร์หลาย ๆ คน ด้วยภาพลักษณ์ใหม่ที่ดุดันและเปี่ยมไปด้วยพลัง ซูเปอร์คาร์รุ่นนี้เปิดตัวในไทยแล้วเรียบร้อยพร้อมกับราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 23.76 ล้านบาท ใครสนใจสามารถไปดูตัวจริงที่โชว์รูม Renazzo Motor ถนนวิภาวดี-รังสิต ได้เลยครับ