เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเดือนตุลาคมนี้ เพราะวงการโรงแรมทั่วโลกกำลังจะคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยสองงานประกาศรางวัลใหญ่ระดับสากลที่พร้อมจะเผยโฉมสุดยอดโรงแรมแห่งปี ซึ่งจะสร้างแรงกระเพื่อมครั้งสำคัญให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก วันนี้ MenDetails จึงขอมาแนะนำวิธีการให้รางวัลครั้งแรกจาก MICHELIN กัน รวมถึงการขยายพื้นที่จาก 1-50 เป็น 1-100 ของ The World’s 50 Best Hotels ในปีนี้เป็นปีแรกอีกด้วย
เริ่มกันที่ข่าวสำคัญจาก MICHELIN Guide ที่เตรียมสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการจัดงานประกาศรางวัล MICHELIN Keyครั้งแรกของโลก ในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ ณ กรุงปารีส รางวัล “กุญแจมิชลิน” นี้เปรียบได้กับ “ดาวมิชลิน” ที่เราคุ้นเคยในวงการอาหาร แต่สำหรับโรงแรมโดยเฉพาะ ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของมิชลิน ไกด์นั้น เกิดขึ้นจากบริษัทผลิตยางรถยนต์มิชลินที่ต้องการส่งเสริมการเดินทางด้วยรถยนต์ จึงได้จัดทำคู่มือแนะนำสถานที่ต่างๆ รวมถึงร้านอาหารและที่พัก เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนออกเดินทาง และเมื่อเวลาผ่านไป คู่มือนี้ก็พัฒนามาเป็นมาตรฐานการคัดสรรร้านอาหารระดับโลก และในที่สุดก็ขยายมาสู่การประเมินโรงแรมอย่างจริงจัง โดยจะมอบให้กับโรงแรมที่มอบประสบการณ์การเข้าพักในระดับต่างๆ
- 1 กุญแจสำหรับ “ประสบการณ์สุดพิเศษ” ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
- 2 กุญแจสำหรับ “ประสบการณ์อันยอดเยี่ยม” ที่ควรค่าแก่การเดินทางไปสัมผัส
- 3 กุญแจสำหรับ “ประสบการณ์เหนือชั้นที่น่าจดจำ”
ที่เป็นจุดหมายปลายทางในตัวเอง รางวัลนี้ถูกริเริ่มขึ้นในปี 2024 เพื่อยกย่องความเป็นเลิศในทุกมิติของโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ สถาปัตยกรรม การบริการที่ไร้ที่ติ หรือบรรยากาศที่ส่งเสริมการพักผ่อนอย่างแท้จริง การตัดสินมาจากอินสเป็กเตอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรงแรมโดยเฉพาะ ซึ่งใช้เกณฑ์การประเมินอย่างละเอียดถึง 5 ด้าน เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มรางวัลพิเศษอีก 4 สาขา ได้แก่ Architecture & Design Award ที่ยกย่องการออกแบบที่โดดเด่น, Wellness Award สำหรับโรงแรมที่เน้นประสบการณ์ด้านสุขภาพ, Local Gateway Award ที่ส่งเสริมการเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมท้องถิ่น และ Opening of the Year สำหรับโรงแรมเปิดใหม่ที่น่าจับตา ซึ่งจะมาเพิ่มสีสันและมิติใหม่ให้กับวงการโรงแรม
อีกหนึ่งเวทีที่พลาดไม่ได้คือ The World’s 50 Best Hotels 2025 ที่ยืนยันวันประกาศผลรางวัล 50 โรงแรมที่ดีที่สุดในโลก ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ The World’s 50 Best Hotels เป็นการจัดอันดับโรงแรมระดับโลกที่ริเริ่มโดยกลุ่ม 50 Best ซึ่งมีชื่อเสียงจากการจัดอันดับร้านอาหาร (The World’s 50 Best Restaurants ตั้งแต่ปี 2002) และบาร์ (The World’s 50 Best Bars) มาก่อน โดยเริ่มจัดอันดับโรงแรมเป็นครั้งแรกในปี 2023 เพื่อเติมเต็มระบบนิเวศของการจัดอันดับบริการด้านการท่องเที่ยวระดับโลก ความน่าสนใจในปีนี้คือการขยายลิสต์อันดับ 51-100 เป็นครั้งแรก เพื่อสะท้อนถึงความหลากหลายและคุณภาพของโรงแรมทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้มีโรงแรมอีกมากมายที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มรางวัลพิเศษ Art of Design Award ที่เน้นย้ำถึงการออกแบบโรงแรมที่ก้าวข้ามขอบเขตทางสถาปัตยกรรมไปสู่การสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจและเหนือความคาดหมาย ไม่ใช่แค่ความสวยงามทางกายภาพ แต่รวมถึงการสร้างบรรยากาศและอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่าง
การขยายขอบเขตของคณะกรรมการผู้โหวตก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ The World’s 50 Best Hotels โดยมีการเพิ่ม Academy Chairs อีก 4 ท่าน จากภูมิภาคใหม่ๆ ได้แก่ แอฟริกา อเมริกาใต้ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ยุโรปตะวันตก และยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก เพื่อให้การคัดเลือกผู้โหวตคะแนนมีความครอบคลุมและหลากหลายมุมมองมากยิ่งขึ้น สะท้อนถึงความหลากหลายของอุตสาหกรรมโรงแรมทั่วโลก โดยลิสต์ในปีนี้ยังคงมาจากการโหวตของผู้เชี่ยวชาญที่ไม่เปิดเผยตัวตนกว่า 800 คนทั่วโลก ซึ่งแต่ละท่านจะต้องโหวตโรงแรม 7 แห่งที่เคยเข้าพักในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตามลำดับความชื่นชอบของตนเอง
ดังนั้น เดือนตุลาคมนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่น่าจับตาสำหรับผู้ที่อยู่ในแวดวงโรงแรมและนักเดินทางทั่วโลก เพราะการประกาศรางวัลทั้งสองเวทีนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความคึกคักให้กับการท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการยกย่องความทุ่มเทและนวัตกรรมของโรงแรมต่าง ๆ ที่มุ่งมั่นมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมให้กับผู้เข้าพัก ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และการเติบโตของอุตสาหกรรมการบริการทั่วโลก มาร่วมลุ้นกันว่าโรงแรมจากประเทศไทยจะสามารถสร้างชื่อเสียงในเวทีระดับโลกทั้งสองรางวัลนี้ได้มากน้อยเพียงใดตลอดเดือนตุลาคมนี้ – ระหว่างที่รอประกาศผลดังกล่าว ลองดูโรงแรมต่าง ๆ ใน Website ของ MenDetails ของพวกเราก่อนได้นะครับ