ถ้าพูดถึงรถซีดานไซซ์เล็กที่มีคาแรกเตอร์เฉพาะตัว ขับสนุก หน้าตาหล่อเหลา เชื่อว่าหลายคนนึกถึง CLA อย่างแน่นอน นี่คือรถที่ Mercedes-Benz ให้นิยามว่าเป็นคูเป้ 4 ประตูจากรูปทรงที่ปราดเปรียวบวกกับส่วนท้ายที่ลาดต่ำและการจัด Fitment แบบสปอร์ต ทำให้ CLA ไม่เพียงแต่ดูสปอร์ตในความรู้สึกแต่มันยังเป็นรถที่ขับสนุกเอาเรื่องอีกด้วย ล่าสุด CLA ได้ก้าวเข้าสู่ยุคที่ 3 ของตัวเองพร้อมกับการหันไปใช้ขุมพลังไฟฟ้าล้วน 100% ตามสมัยนิยม เสริมความไฮเทคด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำมากมาย แต่สิ่งที่ยังอยู่คือจิตวิญญาณความสปอร์ตที่ยังชัดเจนใน DNA ไม่แปรเปลี่ยน บทความนี้ MenDetails ชวนมารู้จัก All-New Mercedes-Benz CLA ให้มากขึ้น และดูว่าคูเป้ 4 ประตูรุ่นนี้น่าสนใจอย่างไร
ดึงดูดสายตาด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์
รูปลักษณ์ภายนอกเป็นจุดที่ทำให้หลายคนชื่นชอบและตกหลุมรัก CLA ซึ่งในเจเนอเรชันใหม่นี้ก็ยังคงยึดถือแนวทางการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยช่วงฐานล้อที่ยาว โอเวอร์แฮงหน้าและหลังที่สั้น และส่วนท้ายลาดต่ำสไตล์รถคูเป้ ส่งมอบสไตล์ที่เต็มไปด้วยความสปอร์ต ปราดเปรียว และยังลู่ลมตามหลักแอโรไดนามิก
รูปลักษณ์ภายนอกของ CLA ใหม่โดดเด่นด้วยดีเทลด้านหน้าทรงจมูกฉลามที่สร้างความดุดันได้เป็นอย่างมาก มาพร้อมกระจังหน้าแบบทึบที่ตกแต่งด้วยเอฟเฟ็กต์ไฟดาวสามแฉก 142 ดวง ไฟหน้าและไฟท้ายดีไซน์แบบคาดยาวเชื่อมต่อกันสองฝั่ง พร้อมเอฟเฟ็กต์ไฟ Daytime Running Light ด้านหน้าและไฟหรี่ท้ายรูปทรงดาวสามแฉกที่ไม่เหมือนใคร องค์ประกอบทั้งหมดสะท้อนตัวตนใหม่ของการเป็นยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต ขณะเดียวกันก็ยังสานต่อความสปอร์ตอันเป็น DNA หลักของตระกูล CLA แล้วนำมาตีความใหม่ได้อย่างน่าสนใจ
ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ายุคใหม่
All-New CLA สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุดของ Mercedes-Benz ที่รองรับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800V และระบบส่งกำลังแบบ 2 เกียร์ พร้อมกับใช้ชื่อทำตลาดเท่ ๆ ว่า EQ Technology โดยเปิดตัวมาพร้อมกัน 2 รหัส ได้แก่ CLA 250+ และ CLA 350
CLA ใหม่ทั้ง 2 รหัสขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงและมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC เหมือนกัน โดยรหัส CLA 250+ มาพร้อมพละกำลังสูงสุด 272 PS แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร ส่วนรหัส CLA 350 มีกำลังมากกว่าที่ 353 PS และมีแรงบิดสูงสุด 515 นิวตันเมตร
ในด้านสมรรถนะ CLA 250+ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 6.7 วินาที ขณะที่ CLA 350 ทำได้เร็วกว่าที่ 4.9 วินาที ในส่วนของความเร็วสูงสุดทำได้เท่ากันที่ 210 กม./ชม. นอกจากนี้ ทั้ง 2 รหัสยังติดตั้งแบตเตอรี่ความจุเท่ากันที่ 85 kWh โดย CLA 250+ มีระยะทางวิ่งสูงสุด 792 กม. ส่วน CLA 350 มีระยะทางวิ่งสูงสุด 771 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
เทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800V ของ CLA ใหม่มีจุดเด่นที่น่าสนใจคือรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้า DC สูงสุดถึง 320 kW ทำให้มันทำความเร็วการชาร์จได้โหดมาก ๆ ซึ่งทาง Mercedes-Benz เคลมว่าชาร์จเพียงแค่ 10 นาทีกับเครื่องชาร์จที่รองรับก็ได้ระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 325 กม. แล้ว
นอกจากนี้ All-New CLA ทั้ง 2 รหัสยังมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ 2 จังหวะที่ช่วยจัดการกำลังของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าให้มีความสมดุลมากยิ่งขึ้น โดยเกียร์แรกจะทำหน้าสร้างแรงบิดในช่วงออกตัวและช่วงไต่ระดับความเร็ว ส่วนเกียร์สองจะเป็นการรักษาระดับการส่งกำลังในย่านความเร็วสูงเพื่อช่วยประหยัดพลังงานและเพิ่มระยะทางขับขี่ให้ได้มากที่สุด
ยกระดับประสบการณ์ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
อีกจุดที่ทำให้ All-New CLA น่าสนใจมาก ๆ คือการออกแบบห้องโดยสารที่ผสานความหรูหราเข้ากับดีเทลความสปอร์ตและความล้ำสมัยอย่างลงตัว จุดเด่นคือชุดแผงหน้าจอ MBUX Superscreen ขนาดเต็มความกว้างคอนโซลหน้า ประกอบด้วยหน้าจอชุดมาตรวัดสำหรับผู้ขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว หน้าจอกลางระบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว และหน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าขนาด 14 นิ้ว (คาดว่าจะเป็นออปชันเสริม) เสริมความอลังการด้วยชุดไฟ Ambient Light รอบห้อง และช่องแอร์วงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่ง Mercedes-Benz ถนัดอยู่แล้วในการออกแบบห้องโดยสารที่มากับความล้ำสมัยและสวยงามตระการตาแบบนี้
นอกจากบรรยากาศสุดล้ำแล้ว All-New CLA ยังมากับระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ฉลาดมากขึ้น ทำงานบนระบบปฏิบัติการ MB.OS พร้อมสถาปัตยกรรมแบบ Chip-to-Cloud ช่วยเชื่อมต่อระบบส่งกำลัง ระบบความบันเทิง และระบบอื่น ๆ ของรถเข้าด้วยกันในที่เดียว พร้อมด้วยความสามารถสุดล้ำมากมายไม่ว่าจะเป็นการอัปเดตข้อมูลผ่านระบบไร้สายแบบเรียลไทม์ ระบบผู้ช่วยส่วนตัวที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของ AI รวมถึงการนำทางด้วย Google Maps ที่ปรับแต่งมาเฉพาะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการนำทางให้แม่นยำและฉลาดยิ่งขึ้น
DNA ความสปอร์ตจาก CLA รุ่นก่อนหน้ายังคงถ่ายทอดมายัง All-New CLA แบบครบถ้วน พร้อมกับถูกปรุงแต่งด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ายุคใหม่ให้มีความกลมกล่อมยิ่งกว่าเดิม เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่น่าจะถูกใจแฟน ๆ Mercedes-Benz หลายคน รุ่นนี้เข้าตลาดเมืองไทยแน่นอนครับ รอดูได้เลยว่าจะพวกเราได้ใช้รหัสไหน สเปก ออปชัน ราคา จะเป็นอย่างไร อีกไม่ได้นานก็น่าจะได้รู้กัน