หนึ่งในร้านอาหาร Fine Dining ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด ซึ่งมาพร้อมวิวอันแสนสวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยา ยิ่งยามค่ำคืนช่วงตะวันลับขอบฟ้า เราจะได้เห็น Vanilla Sky ที่แสนสวยงามจากห้องอาหารแห่งนี้ Cote by Mauro Colagreco ห้องอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพื้นที่ติดทะเลทางตอนใต้ของฝรั่งเศส หรือที่เรารู้จักกันในนาม Riviera กับกลิ่นไอทะลและความ Tropical ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว วันนี้ MenDetails พาทุกท่านเลี้ยวจากถนนเจริญกรุง ก้าวเข้าสู่ตัวอาคารของโรงแรม Capella Bangkok เพื่อมา รีวิว ร้าน Cote by Mauro Colagraco กันครับ แต่ขอ Spoil ก่อนครับว่า รสชาติดี กลมกล่อมและทานง่าย ว่าแล้วก็รีวิวของพวกเรามาได้เลยครับ
Cote by Mauro Colagreco คือร้านของเชฟระดับ Michelin Star 3 ดาวนาม Mauro Colagreco ชาว Argentina และร้านอาหารของเขาในฝรั่งเศสนามว่า Mirazur นั้น ได้รับโหวตเป็นอันดับ 1st ใน San Pellegrino’s ปี ค.ศ. 2019 “The World’s 50 Best Restaurants” นอกจากนั้นแล้วเชฟ Mauro ยังได้รับโหวตเป็น “The Best Chef in the World” by Le Chef Compilation ในปี ค.ศ. 2019 อีกด้วย สำหรับร้าน Cote แห่งนี้นำโดยเชฟ Davide Garavaglia ซึ่งร่วมงานกับเชฟ Mauro Colagreco มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 จนถึงปัจจุบัน และ Cote by Mauro Colagreco ได้รับ Michelin Star 1 ดาวมา 3 ปีซ้อนแล้วนะครับ
บรรยากาศของร้าน Cote นั้น จะเหมือนเดินเข้าสู่บ้านสไตล์ Minimal Luxury สีขาวสว่างพร้อมด้วย Funiture เรียบง่ายแต่ลงตัว ที่สำคัญที่สุดคืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ทางร้านเลือกใช้นั้น เป็นวัสดุคุณภาพและ Premium เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นแก้ว Champage หรือแม้แต่ผ้าปูโต๊ะและผ้ากันเปื้อนยังเลือกใช้เป็น Linen อีกด้วย ถือเป็น Details ที่น่าหลงไหลเป็นพิเศษ และอย่างที่กล่าวไปข้างต้น วิวพระอาทิตย์ตกดินคือดีมาก ๆ นะครับ แนะนำให้มารอบ 6 โมง จะได้เห็นความสวยงามผ่านกระจกผืนใหญ่ เรียกว่าเป็นบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ
ในครั้งนี้ MenDetails เลือกทานเป็นแบบ 7 Courses พร้อม Wine Pairing ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจมาก ๆ ของทางร้านก็คือ ที่ร้าน Cote นั้น จะไม่มีเมนูจำเพาะนะครับ แต่จะเรียกว่าเป็น Surprise Menu กล่าวคือ ถ้าคุณเคยมาทานแล้ว ทางร้านอาจเปลี่ยนเมนูบางตัวให้ เรียกว่าเป็นการเก็บ Record และสร้างความแปลกใหม่ในทุกครั้งที่มาทานด้วยเช่นกัน
เริ่มต้นด้วย Amuse-Bouche เพื่อเรียกน้ำย่อยและ Clean Palate สำหรับจานอาหารทั้งหมด 7 จานกันครับ โดยเริ่ม Serve จาก Brittany Brown Crab / Almond / Rose และ Pomelo จานนี้ถือว่าเอามาปรับต่อมรับรสได้ค่อนข้างดี มีความหวานเปรี้ยวจากส้มโอ เสริมด้วยเนื้อปู ทานคู่กับครีมด้านบนคือกลมกล่อมเลยทีเดียว ต่อด้วย Beetroot / Cream และ Caviar ถึงแม้ว่าจะมีวัตดุดิบหลักไม่มาก ที่รังสรรค์รสชาติออกมาได้ลึกล้ำดีจริง ๆ เพราะตัว Caviar ช่วยเพิ่มรสชาติเค็มและกลิ่มทะเลให้กับซอสครีม เรียกว่าเป็น Signature Dish ของทางร้านเลยก็ว่าได้
จานต่อมาเรียกว่ายกทะเลมาไว้ตรงหน้าเลยครับกับ BBQ Oyster / ‘King Trumpet’ Mushroom และ Yeast Foam รสชาติดีมาก ๆ สำหรับใครที่ชื่นชอบหอยนางรม ทางร้านปรุงมาได้กลมกล่อมและเข้ากับเห็ดได้เป็นอย่างดี ยิ่งทานคู่กับไวน์ขาวที่ Pairing มาด้วย ยิ่งชูรสชาติให้ดีขึ้นได้อีกครับ แต่ทีเด็ดกว่า คงต้องยกให้ Langoustine / Yellow Zucchini และ Saffron โดยตัว Langoustine นั้นจะมีมาด้วยกันทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่แบบ Tartare และแบบปรุงสุก ต้องเรียกว่าปรุงมาได้นุ่มและอร่อยมากจริง ๆ โดยเฉพาะเมื่อทานกับซอสที่ราดมา ดูจะเข้าคู่กับกุ้ง Langoustine เป็นที่สุด
Main Course วันนี้ เราได้มาเป็น Challans Duck มาพร้อมใบ Rhubarb และ Cherries & Olives สำหรับตัวเป็ดนั้น เป็นเป็ดที่นำเข้าจากฝรั่งเศส เมือง Challans ตัวไม่ได้ใหญ่มากนะครับ ปรุงมาได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ ครับ เนื้อนุ่มกำลังดีและหนังกรอบสุด ๆ ทานคู่กับซอสที่ตุ๋นจากตัวเป็ด บอกเลยว่าหอมละมุนมากทีเดียว ใครชื่นชอบเป็ด จานนี้น่าจะชื่นชอบเช่นเดียวกัน และถือเป็นอีก Signature Dish ที่ไม่ควรพลาด
ตบท้ายด้วยของหวาน 2 จานได้แก่ Stacciatella Cheese / Mint Granite / Melon Sorbet และแคปหมู จานนี้ถือว่าว้าวมากทีเดียว เพราะมีความลงตัวที่เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อระหว่าง Melon และ แคปหมูที่เป็นเหมือน Main Ingredient ในจานนี้ เป็นของหวานที่ชวนให้เราอยากจะหยิบเอาแคปหมูที่บ้าน มาลองทานคู่กับไอศครีมยังไงบอกไม่ถูก แต่อร่อยมากทีเดียว จานสุดท้ายคือ Coconut / Green Apple และ Shiso ใบ Shiso ทอดกรอบ ๆ เคลือบน้ำตาล เพิ่ม Texture และเข้ากับรสของมะพร้าวและแอปเปิ้ลเขียวได้ดี
นี่คือ Fine Dining ที่รสชาติกลมกล่อม เบา และใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ มากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นเนื้อเป็ดที่สามารถเสิร์ฟแบบ Perfect Serve ได้เพียง 6-8 ชิ้นเท่านั้น รวมถึงหนังที่กรอบจนหาที่ติไม่ได้ กระทั้งการมัดรวมรสชาติที่แตกต่างอย่างลงตัวอย่าง แคปหมูและ Melon Sorbet สิ่งเหล่านี้ทำให้ Cote by Mauro Colagreco เป็นที่พูดถึงอยู่เสมอ หากต้องการลองทาน Fine Dining ที่เข้าใจง่าย และมาพร้อมบรรยากาศริมน้ำเจ้าพระยาที่หาคู่แข่งได้ยากยิ่ง
ร้าน Cote by Mauro Colagreco เปิดให้บริการทุกวันพุธ – วันอาทิตย์ และให้บริการ 2 ช่วงเวลาได้แก่ Lunch: 12.00—14.00 hrs และ Dinner: 18.00—22.00 hrs โดยราคาเริ่มต้นช่วงกลางวันอยู่ที่ 2,250++ และสำหรับ Dinner 7 Courses ราคา 5,800++ / 9 Courses ราคา 6,500++ รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ e-mail : [email protected] – IG / FB: @Cote.Bangkok หรือ website : cotebkk.com