เมฆสีเทาและท้องฟ้าสีหม่นที่มีฝนตกปรอย ๆ ทำให้คุณรู้สึกเศร้ากว่าปกติได้ นี่คือข้อเท็จจริงที่ได้รับการพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าเมฆครึ้ม ฝน รวมถึงสภาพอากาศที่อึมครึม ล้วนมีผลทำให้อารมณ์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมให้ภาวะซึมเศร้ามีความรุนแรงมากขึ้น หากคุณรู้สึกเศร้า หดหู่ หรือเบื่อหน่ายกับชีวิตในวันที่ฝนตก MenDetails มี 4 วิธีช่วยบรรเทาความรู้สึกเหล่านี้มาฝากครับ
สายฝนและความเศร้า เกี่ยวข้องกันอย่างไร?
นอกจากความเปียกแฉะที่มักจะทำให้อารมณ์บูดแล้ว จากการศึกษาพบว่าฝนยังเป็นต้นเหตุให้เกิดความเศร้าได้ ซึ่งข้อเท็จจริงนี้เกี่ยวเนื่องกับโรคซึมเศร้าตามฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder S.A.D) เป็นโรคทางอารมณ์ชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยจะได้รับผลกระทบด้านลบต่ออารมณ์และความรู้สึกเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป โรคมักเกิดในช่วงเวลาเดียวกันของทุกปี ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะเกิดในช่วงฤดูฝนที่สภาพอากาศเปียกชื้น และฤดูหนาวที่ตอนกลางคืนยาวนานกว่าตอนกลางวัน
ขณะเดียวกัน เมฆฝนที่บดบังดวงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องยังทำให้ร่างกายได้รับแสงแดดลดลง สิ่งนี้ส่งผลต่อระบบการทำงานภายในร่างกายและระดับการผลิตฮอร์โมน Serotonin และ Melatonin ที่ควบคุมด้านอารมณ์ความรู้สึกและการนอนหลับ ซึ่งระดับฮอร์โมนที่ไม่ปกติจะส่งผลเสียต่อการใช้พลังงานของร่างกายและระดับอารมณ์ตลอดทั้งวัน
นอกจากนี้ การที่ฝนตกหนักและบ่อยยังทำให้รู้สึกเศร้าหรือผิดหวังจากการที่ไม่สามารถออกไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมได้อย่างที่ต้องการ ขณะเดียวกัน หลายคนยังมีภาวะหงุดหงิดที่ต้องติดอยู่กับบ้านเพราะออกไปไหนไม่ได้เนื่องจากฝนตกด้วย
4 วิธีบรรเทาความเศร้า ในวันที่ฝนตก
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกเศร้าทุกครั้งเมื่อเห็นท้องฟ้ามืดครึ้มและมีฝนตก นี่คือ 4 วิธีที่จะช่วยบรรเทาความรู้สึกเหล่านี้ได้
ใช้แสงสว่างเป็นตัวช่วย
เมื่อความอึมครึมของเมฆฝนทำให้รู้สึกเศร้า แสงสว่างจ้าเป็นวิธีเดียวที่ช่วยบรรเทาความรู้สึกนี้ได้ โดยเฉพาะแสงสีขาวในเวลาเช้าที่จะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและตื่นตัวเป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยควบคุมจังหวะการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมน Serotonin และลดภาวะการเกิดอารมณ์แย่ ๆ แต่หากว่าเช้าวันนั้นมีสภาพอากาศมืดครึ้มหรือฝนตก การเปิดไฟให้สว่างทั่วทั้งบ้านก็ช่วยได้เช่นกัน
ออกกำลังกายในบ้าน
ความเศร้าที่เกิดขึ้นตอนฝนตกสามารถบรรเทาได้ด้วยการไม่จมอยู่กับมัน ลองโฟกัสที่การออกกำลังกายภายในบ้าน คุณสามารถหาพื้นที่ว่างใกล้หน้าต่าง เปิดไฟให้สว่าง จากนั้นเปิดเพลงที่ช่วยกระตุ้นจังหวะการเคลื่อนไหวร่างกาย แล้วออกกำลังกายตามที่วิธีที่ถนัด สิ่งนี้จะทำให้คุณลืมเรื่องความเศร้าไปได้ชั่วขณะ และยังทำได้ทุกวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องฟ้าฝนและสภาพอากาศนอกบ้าน นอกจากการออกกำลังกายแล้ว การทำกิจกรรมที่ใช้แรง เช่น กวาดพื้น, ถูพื้น, ดูดฝุ่น, ล้างห้องน้ำ, ทำความสะอาดบ้าน ก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเช่นกัน
รักษาการนอนหลับให้มีความสม่ำเสมอ
คุณอาจรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยหรืออ่อนเพลียมากขึ้นในช่วงวันที่ฝนตกหรือสภาพอากาศไม่แจ่มใส ทางแก้คือควรรักษาตารางการนอนหลับให้มีความสม่ำเสมอ ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงการนอนหลับในจำนวนชั่วโมงที่เท่ากันไม่ว่าข้างนอกบ้านจะสว่างหรือมืดแค่ไหนก็ตาม วิธีนี้เป็นการฝึกให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอในทุก ๆ คืน ช่วยให้นอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มและช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น
หลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียว
ฝนที่ตกต่อเนื่องทำให้ไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ยิ่งมีภาวะความเศร้าปนอยู่ด้วยแล้ว สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือการอยู่คนเดียวบ่อย ๆ ในวันฝนตกเพราะจะยิ่งทำให้เศร้าและรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น ควรหาเวลาไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อน ๆ หรือครอบครัวเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ แม้ว่าการแชตผ่านสมาร์ตโฟนจะสะดวกและง่ายกว่าก็จริง แต่การพูดคุยผ่านตัวหนังสือแทบจะไม่ช่วยบรรเทาความเศร้าใด ๆ การมีปฏิสัมพันธ์กับตัวบุคคลจริงนั้นช่วยได้มากกว่า
ความเศร้าที่เกิดขึ้นในวันฝนตกเป็นภาวะทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้กับหลาย ๆ คน บางครั้งก็รู้สาเหตุของความเศร้าแต่ก็ไม่อาจเอาความรู้สึกนั้นออกไปได้ สิ่งที่ควรทำคือลุกออกมาจากสภาพแวดล้อมเดิม ๆ แล้วลองเปิดไฟในบ้านให้สว่าง หากิจกรรมทำ และออกไปพบปะสังคมภายนอกบ้างเมื่อมีโอกาส รับรองว่าคุณจะก้าวข้ามผ่านภาวะอารมณ์ตกต่ำที่เกิดจากฝนและเมฆครึ้มได้แน่นอนครับ
อ้างอิง