ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ทุกคนย่อมต้องเคยสัมผัสรสชาติของความผิดหวังจากการพ่ายแพ้ในเรื่องอะไรสักอย่าง แต่ความพ่ายแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียใจ หรือเสียดายไปซะหมด เพราะในความพ่ายแพ้นั้น มันอยู่ที่ว่าเราจะได้เรียนรู้อะไรเพื่อให้สามารถกลับมาได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และนี่คือ 5 บทเรียนจากการแพ้ ที่ MenDetails เชื่อว่าจะช่วยให้หลาย ๆ คนเรียนรู้ และรับมือกับทุกความพ่ายแพ้ในชีวิต เพื่อให้สามารถเติบโตและพัฒนาตัวเองจากความพ่ายแพ้เหล่านั้นครับ
ไม่มีใครที่พ่ายแพ้ตลอดไป
ก่อนอื่นเราต้องยอมรับให้ได้ว่า ไม่มีใครที่ในชีวิตไม่เคยแพ้ มันเป็นสัจธรรมของโลก ทุกอย่างมีคนแพ้ คนชนะ แม้บางครั้งเราอาจจะทำทุกอย่างถูกต้อง ทำทุกอย่างดีหมด แต่เรื่องบางเรื่องมันก็อยู่เหนือการควบคุมของเราแม้จะทำดีที่สุดแล้ว
แต่สิ่งที่เราต้องทำจากความพ่ายแพ้นั้น ๆ คือต้องไม่ถอดใจ เสียใจได้ แต่อย่าจมอยู่กับมัน รีบลุกขึ้นมาตั้งหลัก วิเคราะห์ความพ่ายนแพ้นั้น หาบทเรียนจากมัน และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้ความพ่ายแพ้นั้นสูญเปล่า ท่องไว้ในใจ ไม่มีใครพ่ายแพ้ตลอดไป
ตัวอย่างที่เราชอบมาก คือ นักเตะทีมชาติอังกฤษของทีมอาเซนอล ชื่อ Bukayo Saka หากใครเป็นแฟนบอล น่าจะจำการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 กันได้ ในนัดชิงชนะเลิศระหว่างอังกฤษกับอิตาลี ที่ยืดยาวถึงขั้นดวลจุดโทษ Bukayo Saka ได้รับเลือกจากผู้จัดการทีมให้เป็นผู้สังหารจุดโทษคนสุดท้ายของห้าคนแรก ที่หากยิงเข้าอังกฤษจะยังมีโอกาสดวลจุดโทษกันต่อแบบ Sudden death แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นว่าเขายิงไม่เข้าทำให้เป็นการดับฝันอังกฤษทันที ในครั้งนั้นเขาถูกแฟนบอลอังกฤษด่าสาดเสียเทเสีย แต่เขาก็ตั้งหลักขึ้นมาได้ และในยูโร 2024 อังกฤษต้องดวลดวลจุดโทษกับสวิตเซอร์แลนด์เพื่อเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ Bukayo Saka ได้แสดงให้ทุกคนเห็นว่าตัวเขาพัฒนาขึ้นในการยิงจุดโทษ นี่เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าไม่มีใครแพ้ตลอดไป
ปล่อยวางความเป็น Perfectionist ลงบ้าง
หลาย ๆ ครั้ง ความเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบเกินไป หรือที่เรียกว่า Perfectionist กลับกลายเป็นดาบสองคมที่หันมาทำร้ายตัวเราเอง ต่อเนื่องจากหัวข้อแรกว่าไม่มีใครที่จะพ่ายแพ้ตลอดไป ในทางกลับกันมันก็หมายถึงไม่มีใครที่จะชนะ หรือสมบูรณ์แบบตลอดไปด้วย
การเป็น Perfectionist เป็นเรื่องที่ดี ที่เราอยากจะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น ทำทุกอย่างออกมาให้ดี แต่เราต้องเข้าใจ ปล่อยวาง และใจดีกับตัวเองบ้างในหลาย ๆ ครั้ง ความพ่ายแพ้ ความล้มเหลวนั้นเจ็บปวด แต่อย่าโทษตัวเองมากจนเกินไป ถ้ายอมรับความจริงข้อนี้ได้ การเป็น Perfectionist จะช่วยให้เราพัฒนาตัวเองได้ทุกครั้งเมื่อพบกับความผิดหวัง เพราะไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ เราทุกคนทำได้แค่มุ่งหน้าไปให้เข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบในความคิดของเรามากที่สุดเท่านั้นเอง สุดท้ายมันยังมีที่ว่างพอสำหรับการเติบโตเสมอ
ยอมรับความพ่ายแพ้ให้ได้
ความรู้สึกของการเป็นผู้แพ้ แน่นอนว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่มีใครอยากสัมผัส แต่ไม่มีใครที่ในชีวิตนี้ไม่เคยลิ้มรสความพ่ายแพ้ อาจจะเรียกได้ว่า เพราะความรู้สึกพ่ายแพ้ จึงทำให้ชัยชนะมีคุณค่าและมีความหมายมากยิ่งขึ้น การยอมรับความพ่ายแพ้ หรือการที่เราจะร้องไห้ เสียอกใจเสียกับมัน ไม่ใช่เรื่องแปลก ปล่อยให้อารมณ์เหล่านั้นได้ระบายออกมา เสียใจให้เต็มที่ แล้วก็ไปสู้กันใหม่ พยายามกันใหม่
ในทางกลับกัน คนที่เก็บอารมณ์ลบอย่างความเสียใจเอาไว้ไม่ยอมแสดงออกมา จะทำให้เกิดผลเสียต่อจิตใจ อารมณ์และความรู้สึกมากกว่าเสียอีก หรือคนที่ “แพ้ไม่เป็น” โทษนั่นโทษนี่ ตีโพยตีพาย ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ กลับทำให้มองดูเป็นคนนิสัยไม่น่าคบด้วยซ้ำ
มุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
บทเรียนของความพ่ายแพ้ ในหลาย ๆ ครั้งอาจจะทำให้เรารู้ว่ายังมีคนที่เก่งกว่าเราอีกมากมาย หรือเราอาจจะยังพัฒนาตัวเองไม่เพียงพอ เป็นการเปิดโลกแบบหนึ่ง และมันก็เป็นแรงผลักดันที่ดี ที่ให้เราเก็บเอาความพ่ายแพ้มาเพื่อพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
ให้เราคิดว่าการพ่ายแพ้เป็นบทเรียนที่สอนอะไรหลาย ๆ อย่างที่มากกว่าเวลาเราชนะด้วยซ้ำ ทำให้เรากลับมาพิจารณษตัวเองว่าเรายังขาดอะไร อะไรที่ต้องเสริมหรือพัฒนา แต่ในทางกลับกันเมื่อเราชนะก็อย่าตายใจว่าเราเก่งที่สุดแล้ว ให้เราคิดเสมอว่าเรายังสามารถพัฒนาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ได้อย่างไรด้วย การที่เราทุ่งทั่งในการพัฒนาตัวเองจะทำให้เราเก่งขึ้นในทุก ๆ วันครับ ไม่ว่าเราจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม อย่าทิ้งสิ่งนี้เด็ดขาด
ทุกเส้นทางสู่ความสำเร็จ ทุกคนล้วนผิดพลาด
ไม่มีเส้นทางใดที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ และเส้นทางเดินหมื่นลี้เริ่มต้นที่ก้าวแรกเสมอ สองคำกล่าวนี้เป็นการเปรียบเทียบที่ชัดเจนว่า ในทุก ๆ ทางเดินของชีวิตไม่มีอะไรที่ง่าย ไม่ได้มีแต่ความสำเร็จหรือชัยชนะ เราอาจหลงทาง เราอาจผิดพลาด แต่การไม่บอมแพ้และเรียนรู้จากมันต่างหากที่จะทำให้เราเดินไปต่อได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเริ่มก้าว และไม่หยุดเดิน
มีเรื่องเล่าอมตะเรื่องหนึ่งของ Thomas Edison หนึ่งในนักประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลก กับการที่เขาประดิษฐ์คิดค้นหลอดไฟสำหรับใช้งานในครัวเรือน ที่ต้องส่องสว่างได้นานและราคาขับต้องได้ เพื่อให้เข้าถึงคนทั่วไป เขาใช้เวลาคิดค้นอยู่ถึง 2 ปี ใช้วัสดุและวิธีการต่าง ๆ มากมายนับพันนับหมื่นถึงจะออกมาเป็นต้นแบบของหลอดไฟที่เราใช้กันในปัจจุบันนี้ เมื่อมีคนพูดถึงเรื่องนี้ เขากล่าวว่า “ผมไม่ได้ล้มเหลวหนึ่งหมื่นครั้ง ผมแค่ค้นพบหนึ่งหมื่นวิธีที่มันไม่ได้ผล” แต่ก็อย่างที่รู้กันว่า สุดท้ายแล้วเขาก็ประสบความสำเร็จ
ทุกอย่างในโลกนี้ มีแพ้ มีชนะ ปะปนกันไป อย่าให้ความล้มเหลวหรือความพ่ายแพ้มาบั่นทอนกำลังใจ ท่องไว้เสมอว่าไม่มีใครไม่เคยแพ้ และในทุกครั้งมี บทเรียนจากการแพ้ เสมอ MenDetails อยากให้ทุกความพ่ายแพ้เป็นประสบการณ์ที่จะทำให้เราเข้มแข็งและเก่งขึ้นไปเรื่อย ๆ นะครับ