ปัจจุบัน การอยู่อาศัยในประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงแห่งเดียวอาจไม่เพียงพอกับเป้าหมายหรือความต้องการในชีวิต คุณอาจเจอข้อจำกัดบางอย่างจากกฎหมายของประเทศนั้น ๆ ที่กระทบต่อเสรีภาพส่วนบุคคลและความมั่นคงในการหาเงินและการอยู่อาศัย ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการได้เต็มที่ หรือรู้สึกอยากเป็นอิสระจากประเทศนั้น ๆ ไปเลย ด้วยเหตุนี้จึงเกิดแนวคิดหนึ่งขึ้นมานั่นก็คือ “Flag Theory” หรือ “ทฤษฎีธง” นี่คือแนวคิดที่ว่าด้วยการแสวงหาอิสระและความสบายใจจากการอาศัยอยู่ในประเทศต่าง ๆ เพื่อช่วยให้บุคคลคนหนึ่งสามารถกระจายตัวเองไปยังหลายประเทศเพื่อเพิ่มอิสรภาพของการใช้ชีวิต เพิ่มอิสรภาพทางการเงิน ลดภาระภาษี และปกป้องทรัพย์สินของตนเอง บทความนี้ MenDetails จะพาคุณไปรู้จัก Flag Theory ให้มากขึ้น และดูว่าแนวคิดนี้มีความน่าสนใจอย่างไร
Flag Theory คืออะไร
Flag Theory เป็นแนวคิดที่กล่าวถึงการใช้ชีวิตแบบ “นักเดินทางถาวร” (Perpetual Traveler) รากฐานของแนวคิดนี้มีที่มาจากการที่แต่ละประเทศมีกฎเกณฑ์และข้อบังคับที่แตกต่างกัน ทำให้แต่ละประเทศมีข้อได้เปรียบที่แตกต่างกันไป เช่น ประเทศหนึ่งเหมาะกับการพำนักอาศัย ประเทศหนึ่งเหมาะลงทุนทำธุรกิจ ประเทศหนึ่งเหมาะกับการเก็บเงินและทรัพย์สิน เป็นต้น
หลักการพื้นฐานของ Flag Theory คือการ “ปักธง” ในหลายประเทศ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากข้อดีของแต่ละประเทศ เช่น มีถิ่นที่อยู่ในประเทศที่เก็บภาษีต่ำ ทำธุรกิจในประเทศที่เอื้อต่อการลงทุน หรือเก็บเงินในประเทศที่มีระบบธนาคารมั่นคง เป็นต้น นับเป็นแนวคิดที่ช่วยเพิ่มอิสรภาพให้กับชีวิตโดยไม่ต้องยึดติดกับประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นพิเศษ และได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มเศรษฐี นักลงทุน นักธุรกิจ รวมถึงบุคคลที่ให้ความสำคัญกับอธิปไตยส่วนบุคคลในแบบที่ตัวเองต้องการ
ทฤษฎีธงถูกคิดค้นขึ้นโดย Harry D. Schultz นักวิชาการด้านการลงทุนชาวอเมริกัน ในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งเดิมทีเป็นทฤษฎีธง 3 ผืน ก่อนจะได้รับการขยายความในภายหลังเป็นทฤษฎีธง 5 ผืนโดย W.G. Hills
ทฤษฎีธง 3 ผืนของ Harry Schultz
ทฤษฎีธง 3 ผืนของ Harry Schultz เสนอว่าทุกคนควรมีธง 3 ผืนใน 3 ประเทศที่แตกต่างกันเพื่อลดภาระด้านภาษีและเพิ่มเสรีภาพในการใช้ชีวิตให้มากขึ้น มีใจความสำคัญดังนี้
1. เป็นผู้อยู่อาศัยในประเทศที่เก็บภาษีคนต่างชาติต่ำ
หลายประเทศมีนโยบายภาษีที่เอื้อต่อชาวต่างชาติ เช่น การไม่เรียกเก็บภาษีจากรายได้ที่เกิดขึ้นนอกประเทศ ซึ่งมีหลายประเทศที่ใช้นโยบายนี้เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติให้ย้ายมาพำนักอาศัยในประเทศของตน เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิตาลี โมนาโก เป็นต้น ประเทศเหล่านี้จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการย้ายไปอยู่อาศัยชั่วคราวในฐานะ Perpetual Traveler หรือ “ผู้อยู่อาศัยที่ไม่มีภูมิลำเนา” (Non-Domiciled Residents: Non-Dom)
2. ให้ทรัพย์สินหรือบริษัทอยู่ในประเทศที่ปลอดภัยและมั่นคง
ธงผืนที่สองว่าด้วยความมั่นคงของทรัพย์สินส่วนตัว สามารถทำได้โดยการเลือกฝากเงินหรือจดทะเบียนบริษัทในประเทศที่มีระบบการเงินที่มั่นคง ไม่เก็บภาษีจากรายได้ที่ธุรกิจได้รับ มีกฎหมายคุ้มครองทรัพย์สินที่แข็งแกร่ง และไม่ถูกครอบงำจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ตัวอย่างประเทศน่าสนใจได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ เบลีซ ฮ่องกง หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน หรือหมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งประเทศเหล่านี้ขึ้นชื่อในเรื่องการเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่มีความปลอดภัยสูง
3. ใช้ชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวเพื่ออิสระที่มากขึ้น
ธงผืนที่สามว่าด้วยความอิสระในการพำนักอาศัย ซึ่งหนึ่งในวิธีที่จะได้รับความอิสระคือการใช้ชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต เพราะการไม่มีถิ่นที่อยู่ถาวรสามารถช่วยลดภาระด้านภาษีได้ สามารถทำได้โดยเลือกเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ และอยู่อาศัยในประเทศนั้น ๆ เป็นระยะเวลาสั้น ๆ 3 – 6 เดือน เพื่อใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษทางภาษีที่เสนอให้กับนักท่องเที่ยวหรือผู้พำนักระยะสั้น วิธีนี้ช่วยให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเสรีและลดข้อผูกมัดที่ไม่จำเป็น
ทฤษฎีธง 5 ผืนของ W.G. Hill
W.G. Hill ได้เพิ่มธงอีก 2 ผืนให้กับ Flag Theory ซึ่งครอบคลุมด้านต่าง ๆ มากขึ้น และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับโลกมากยิ่งขึ้น โดยทฤษฎีธง 5 ผืนเสนอว่าแต่ละอย่างต่อไปนี้ควรอยู่ในประเทศที่แยกจากกัน
1. สัญชาติหรือหนังสือเดินทาง – ควรถือสัญชาติหรือมีหนังสือเดินทางของในประเทศที่ไม่เก็บภาษีเงินที่ได้รับจากนอกประเทศหรือควบคุมการกระทำของผู้อาศัย
2. ที่อยู่อาศัย – ควรมีที่พำนักอาศัยในประเทศที่เก็บภาษีถิ่นที่อยู่อาศัย (Tax Residence) ต่ำ
3. ที่ตั้งธุรกิจ – ควรมีที่ตั้งธุรกิจ แหล่งสร้างรายได้ หรือจดทะเบียนบริษัทในประเทศที่เก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลต่ำหรือไม่เก็บเลย
4. ที่อยู่ของทรัพย์สิน – ควรเก็บรักษาสินทรัพย์ไว้ในประเทศที่มีความปลอดภัยสูงหรือประเทศที่มีระบบธนาคารมั่นคง
5. สนามเด็กเล่น – ใช้จ่ายเงินและใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการในประเทศที่มีภาษีการบริโภค (Consumption Tax) ต่ำ หรือประเทศที่ปลอดภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) หรือภาษีขาย
Flag Theory เป็นหนึ่งในวิธีเพิ่มอิสรภาพให้กับชีวิตด้วยการปักธงในหลายประเทศที่ให้ประโยชน์ในด้านคุณภาพชีวิตและลดภาระด้านภาษี เป้าหมายของทฤษฎีนี้คือการสร้างระยะห่างจากการถูกผูกมัดโดยประเทศใดประเทศหนึ่งด้วยการเลือกปักธงในประเทศที่ตอบโจทย์ความต้องการของชีวิต ช่วยให้มีอิสรภาพในการใช้ชีวิต สามารถใช้เงินและใช้เวลาในประเทศที่เลือกได้อย่างสบายใจ อย่างไรก็ตาม การนำ Flag Theory ไปใช้จริงจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดและวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อให้เหมาะสมกับเป้าหมายของแต่ละคน