หากใครที่คลุกคลีกับวงการ Cocktail หรือเป็นคนชอบดื่ม Cocktail น่าจะเคยได้ยินการแข่งขันชื่อ Diageo World Class มาบ้าง เพราะนี่เป็นหนึ่งในการแข่งขันหาบาร์เทนเดอร์ฝีมือดีจากแต่ละประเทศเพื่อเป็นตัวแทนไปแข่งขันในระดับโลก โดยในแต่ละปีก็จะมีโจทย์ที่ต่างกันไปเพื่อมาทดสอบความสามารถของผู้เข้าแข่งขันในการทำเครื่องดื่มออกมาให้ได้ตามโจทย์ และสำหรับ Diageo World Class Thailand 2024 ที่ค้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ของประเทศไทยประจำปีนี้ ก็เพิ่งจบลงไปไม่นานนี้ โดยผู้ที่ได้รางวัลชนะเลิศ และเป็นตัวแทนไปแข่งในระดับโลก คือ คุณเข้ม – ธณัช สุทธิรักษ์ จาก Dry Wave Cocktail Studio
MenDetails มีโอกาสได้ไปร่วมงานฉลองรางวัล และยังเป็นการโชว์ฝีมือของคุณเข้มที่ Dry Wave Cocktail Studio ที่เอา Cocktail ที่ใช้ในการแข่งขันมาเสิร์ฟให้ได้ลองดื่มกัน พร้อมพูดคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องการแข่งขันกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มคนนี้ไปด้วย เราจึงหยิบเอาเรื่องราวเหล่านี้มาเล่าให้ทุกท่านอ่านกันอีกทีหนึ่งครับ
การเดินทางที่ยาวนาน กับความพยายามที่ไม่ทำร้ายคนที่ตั้งใจ
การแข่งขัน Diageo World Class Thailand แต่ละปี จะมีโจทย์และจำนวนผู้เข้ารอบที่แตกต่างกัน สำหรับปี 2024 นี้คุณเข้มบอกว่ามี 4 Challenges ให้สร้างสรรค์เครื่องดื่ม กับอีก 1 ข้อสอบที่ทดสอบความรู้ด้านต่าง ๆ ของบาร์เทนเดอร์ ในปีนี้มีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 359 คน จนมาถึงนัดชิงชนะเลิศที่เหลือผู้แข่งขันเพียง 8 คน และเป็นคุณเข้มที่ได้รางวัลชนะเลิศไป
กว่าจะคว้ารางวัล Worldclass Thailand Bartender of the Year 2024 Winner มาได้นั้น การเดินทางของคุณเข้มก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะการแข่งขันในครั้งนี้ก็เป็นปีที่ 4 ของเขาแล้ว เรียกได้ว่าสะสมประสบการณ์และการเตรียมตัวจากครั้งก่อน ๆ มาจนสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ นอกจากนี้เขายังคว้าอีกหนึ่งรางวัลมาครองได้ด้วย นั่นคือรางวัลชนะเลิศของโจทย์ The Singleton หรือ โจทย์ที่ต้องทำ Cocktail จาก The Singleton คุณเข้มทำ Cocktail ออกมาได้คะแนนสูงสุดนั่นเอง
“…ด้วยความที่ว่าปีนี้แข่งเป็นปีที่สี่แล้ว เราเลยรับมือกับโจทย์ได้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา รู้ว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง มีการเตรียมตัวที่ดีขึ้น รู้สึกว่ากดดันและเครียดน้อยกว่าปีที่แล้วที่เครียดมากจนความเครียดทำให้ทุกอย่างพังทั้งหมด ปีนี้เลยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่เครียด จะปล่อยไหลมากขึ้น ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คิดมากขึ้น” คุณเข้มสรุปถึงการเติบโตของตัวเองตลอดสี่ปีที่ผ่านมาให้เราฟังคร่าว ๆ
“สำหรับปีนี้ต้องขอบคุณทีม ผมรู้สึกว่าทีมเป็นส่วนสำคัญในการแข่งขัน ต้องอาศัยการช่วยกันของหลาย ๆ ฝ่าย เพราะนอกจากเราจะนำเสนอตัวเองแล้ว เราก็ต้องนำเสนอร้านไปด้วย”
สำหรับเป้าหมายต่อไปของคุณเข้ม คือ การไปแข่งขันรอบ Global ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนในเดือนกันยายนนี้ คุณเข้มก็หวังว่าจะทำผลงานให้ออกมาได้ดี ได้เต็มที่สมศักดิ์ศรีของแชมป์ประเทศไทย
นอกจากการแข่งขันรอบ Global แล้ว เป้าหมายในอนาคตของคุณเข้มในตอนนี้ยังคิดว่าจะโตไปกับ Dry Wave Cocktail Studio ต่อไป เพราะยังมีอะไรให้ทำอีกมากมาย หากใครที่อยากมาทักทายและชิมฝีมือของคุณเข้มก็สามารถแวะมาที่บาร์นี้ได้เลยครับ
Cocktail ที่ใช้แข่ง และเบื้องหลังแรงบันดาลใจของแต่ละแก้ว
พูดคุยกับคุณเข้มไปแล้ว ต่อมาเราขยับมาพูดถึง Cocktail แต่ละแก้วที่คุณเข้มใช้แข่งขันบ้าง เริ่มจากรอบแรกที่เป็น Johnnie Walker กับโจทย์เฉลิมฉลอง 100 ปี Johnnie Walker ในประเทศไทย โดยให้หยิบมาผสมผสานกับวัฒนธรรมไทย การเฉลิมฉลองแบบไทยออกมาเป็น Cocktail ชื่อว่า The Blessing ให้ความรู้สึกซ่า สดชื่นเหมือนในช่วงงานเทศกาล มีกลิ่นอายแบบไทย ๆ จากขนุน และมีกานิชเป็นแฮมพันขนุนที่มาช่วยเสริมมิติของเครื่องดื่มมากขึ้น
ตัวที่สอง คือ Butterfly Effect ที่มีเบสเป็น Don Julio Blanco Tequila ด้วยโจทย์สุดล้ำอย่างการให้สร้างสรรค์ Classic Cocktail ที่จะเกิดขึ้นในปี 2030 เป็นเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลังจากที่คุณเข้มไปค้นคว้าจึงเห็นว่าในอนาคตอุตสาหกรรมต่าง ๆ จะคำนึงถึงความยั่งยืนมากขึ้น จึงตัดสินใจทำเครื่องดื่มที่มีความ Sustainable จากการใช้วัตถุที่หาได้จากบาร์ พวกผิวซิตรัสต่าง ๆ มาใช้
ออกมาเป็น Cocktail Butterfly Effect ที่อิงมาจากทฤษฎีชื่อเดียวกัน ที่กล่าวว่าการกระทำหนึ่งจะส่งผลต่ออนาคตไปเรื่อย ๆ หากเราเริ่มเปลี่ยนแปลงก็จะเป็นแบบหนึ่ง ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงจะเป็นแบบหนึ่ง ทำให้กานิชของ Cocktail แบ่งเป็นสองฝั่ง แสดงถึงผลลัพธ์ในอนาคตที่ต่างกัน ด้านหนึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ โดยใช้พวกผิวซิตรัสให้ความรู้สึกสดชื่น อีกด้านจะแสดงถึงอนาคตที่อาหารการกินไม่สมบูรณ์ จึงเลือกใช้ผงมดบดกับสมุนไพร
รอบต่อไปจะแบ่งผู้แข่งขันเป็นสองสาย คุณเข้มได้โจทย์ของ The Singleton ที่ทำให้คุณเข้มได้รางวัลคะแนนสูงสุดของโจทย์นี้ ด้วย Cocktail ชื่อว่า Wave of Us เป็นการนำเสนอ Concept ของร้าน Dry Wave Cocktail Studio นั่นคือ Cocktail Super Classic ที่เอา Classic Cocktail สองตัวมารวมกัน โดยมีเบสจาก Hot Toddy กับ Blood and Sand เสิร์ฟแบบอุ่น แต่ในวันที่เราไปดื่มจะปรับเป็นแบบเย็น นอกจาก The Singleton แล้ว ยังใช้สตอเบอร์รี่กับส้ม Port Wine แล้วท็อปด้วยชาขาวร้อน ให้ความสดชื่นแบบฟรุ๊ตตี้ ดื่มง่าย ซึ่งพอเราได้ลองดื่มแล้วก็หลงรักมันทันที และทำให้เข้าใจได้ว่าทำไมนี่ถึงเป็น Cocktail ที่ได้คะแนนสูงสุดในโจทย์นั้น
สำหรับ Cocktail แก้วสุดท้าย ที่คุณเข้มไม่ได้เสิร์ฟในงานฉลองครั้งนี้ คือตัวที่มาจากโจทย์สุดท้าย เบสเป็น Johnnie Walker Blue Label โดยต้องออกแบบ Cocktail 3 แก้ว สำหรับเสิร์ฟใน Johnnie Walker Depth of Blue Room ห้องที่จะเสริมสร้างประสบการณ์ในการดื่ม Johnnie Walker Blue Label จากเสียง กลิ่น รูป สัมผัส จะต้องเป็น Classic Cocktail, Classic Cocktail Twist และ Signature Serve
คุณเข้มออกแบบคอร์สชื่อว่า The Blue Tree ที่สะท้อนวิวัฒนาการของ Cocktail จากอดีต ตั้งแต่รากฐาน จนถึงกิ่งก้านที่แตกสาขาออกไป เริ่มจากตัว Old Fashion เป็นรากฐานของ Cocktail ตามมาด้วย Bobby Burns Cocktail รุ่นหลังในอีก 100 ปี นำมาทวิสให้โชว์ความโอ้คของ Johnnie Walker มากขึ้น โดยการใช้ไม้หอมของเปรูสร้างมิติให้มากขึ้น และปิดท้ายด้วยการเสิร์ฟสไตล์ Mizuwari หรือ เหล้ากับน้ำ แต่ปรับเป็น Perfect Serve ของ Blue Label คือ เหล้าแบบ Neat และน้ำแยกกัน น้ำที่แยกมาจะมีรสและกลิ่นของใบชา Sliver Needle ชาขาวยอดอ่อนสุดจากภาคเหนือ ผสมน้ำกลั่นจากดอกเก๊กฮวย พอดื่มคู่กับ Blue Label จะเสริมมิติให้มีความ Floral มากขึ้น ละมุนขึ้น
Dry Wave Cocktail Studio ห้องนั่งเล่นที่หยิบเอา Classic Cocktail มาทำให้ไม่ธรรมดา
อ่านมาถึงตรงนี้ หากใครสนใจจะแวะไปเยี่ยมเยียนคุณเข้ม ก็สามารถแวะไปที่บาร์ Dry Wave Cocktail Studio บาร์เล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในทองหล่อซอย 13 อยู่ในสุดของโครงการ SODALITY ชั้นสอง เป็นบาร์แรกของคุณปาล์ม หนึ่งในบาร์เทนเดอร์ฝีมือดีของวงการ ที่มี Concept อยากนำเสนอ Cocktail ที่เรียกว่า “Super Classic” ที่นำ Classic Cocktail สองตัว ที่ดูแล้วไม่น่าเข้ากันได้ มาแตกองค์ประกอบแล้วผสมเข้ากันใหม่ เกิดเป็น Signature ที่ไม่เหมือนใครของร้าน ฟังแล้วอาจจะเข้าใจยาก แต่พอมาดูเมนูจริง มาดื่มเองแล้ว มันทั้งน่าสนุก แปลกใหม่ และเข้าใจง่ายกว่าที่คิด
หนึ่งใน Signture Cocktail ที่น่าสนใจ คือ 1806 – 1988 ที่คุณปาล์มบอกว่าเป็นการเอา Old Fashioned มาเจอกับ Cosmopolitan อ่านแล้วหลายท่านคงนึกภาพไม่ออก แต่ทาง Dry Wave Cocktail Studio สามารถหยิบมาผสมผสานกันให้ลงตัวได้อย่างสนุกทีเดียว
บรรยากาศของบาร์ แม้จะไม่ใหญ่กว้างขวาง แต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนห้องนั่งเล่น มีการตกแต่งที่ให้ความรู้สึกคล้ายคลื่นตามชื่อร้าน ทำให้ไม่ได้รู้สึกเป็นทางการเกินไป ไฮไลท์อยู่ที่เคาร์เตอร์บาร์ที่กินพื้นที่ส่วนใหญ่ของบาร์ เพราะคุณปาล์มชอบที่จะได้คุยกับลูกค้าที่แวะเวียนมา รวมถึงลูกค้าเองก็สามารถสนทนากันเองได้ด้วย เหมือนห้องนั่งเล่นจริง ๆ รับรองว่ามาคนเดียวก็ไม่เหงาแน่นอน
น่าเสียดายที่ Cocktails ของคุณเข้มยังไม่มีการบรรจุลงไปในเล่มเมนูเครื่องดื่ม แต่ถ้าใครอยากทักทายคุณเข้ม และลอง Cocktail ที่มีไอเดียสนุก ๆ ก็ขอแนะนำ Dry Wave Cocktail Studio บาร์หน้าใหม่ แต่ทีมงานเปี่ยมด้วยประสบการณ์ ที่ควรค่าแก่การแวะมาดื่มหากผ่านมาแถวทองหล่อครับ
สุดท้ายนี้ก็เราก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณเข้มในรอบ Global ที่จะแข่งในเดือนกันยายนนี้ ให้ทำผลงานออกมาให้เต็มที่ที่สุดครับ