ถ้าพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุนแล้ว สถาบันที่ชื่อว่า “ธนาคาร” ก็คงจะต้องเป็นส่วนหนึ่งในองค์ประกอบเหล่านั้นด้วยอย่างแน่นอน เวลาเราจะทำธุรกรรมใด ๆ ส่วนใหญ่แล้วก็ต้องผ่านธนาคารทั้งสิ้น เรียกได้ว่ามีเงินหมุนเวียนในธนาคารต่าง ๆ มากมาย แต่แม้ว่าธนาคารดูจะเป็นสถาบันที่ยิ่งใหญ่ มีเงินมหาศาล แข็งแกร่งแค่ไหน ก็ล้วนมีความจริงเบื้องหลังที่ ธนาคารไม่อยากให้คุณรู้ ซ่อนเอาไว้
ในบทความนี้ MenDetails จะมาพูดคุยถึง 5 เรื่องเกี่ยวกับระบบการเงินและการลงทุนที่เป็นอยู่จริงในปัจจุบันแต่บรรดาธนาคารและสถาบันการเงินทั้งหลายนั้นไม่อยากให้คุณรู้ ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกันครับ
ธนาคารไม่มีเงิน
หลายคนยังเชื่อว่า การที่เราเอาเงินไปฝากธนาคารนั้น ธนาคารจะเอาเงินของเราเข้าตู้เซฟไว้เฉย ๆ แล้วรอจนกว่าเราจะเดินไปถอนเงินออกมา แต่เรื่องจริงไม่ใช่แบบนั้น เพราะธนาคารเขาจะทำการ “หมุนเงิน” ด้วยการปล่อยให้กู้ยืมในรูปแบบต่าง ๆ จุดประสงค์ก็เพื่อหากำไรเอามาจ่ายเป็นดอกเบี้ยที่สูงสุด ๆ ให้กับเรานั่นแหละ แล้วก็ภาวนาว่าประชาชนผู้ฝากเงินอย่างเรา ๆ จะไม่เกิดอาการ “บ้าจี้” แห่กันมาถอนเงินพร้อม ๆ กันในครั้งเดียว เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจริง บอกได้เลยว่า ธนาคารทุกธนาคารไม่มีเงินมากพอจะให้เราถอนออกมาพร้อมกันหมดแน่นอนและความพังพินาศก็จะเกิดขึ้น แต่คงไม่มีธนาคารไหนยืดอกยอมรับและอยากให้คุณรู้เรื่องนี้มากนักหรอกครับ
ธนาคารเสกเงินขึ้นมาเองได้
เมื่อธนาคารนำเงินเราไปปล่อยกู้ ธนาคารจะมีความสามารถพิเศษในการ “เสกเงิน” ในรูปแบบของหนี้สินได้ ตัวอย่างเช่น เริ่มต้นที่นาย A เอาเงินไปฝากธนาคาร 1,000 บาท จากนั้นธนาคารได้นำเงินส่วนหนึ่งของนาย A จำนวน 500 บาทไปปล่อยกู้ให้นาย B แต่เผอิญว่านาย B ยังไม่รีบใช้เงิน จึงนำเงิน 500 บาทฝากกลับไปที่ธนาคารไว้ก่อน ทางธนาคารจึงนำเงินส่วนหนึ่งของนาย B ไปให้นาย C กู้ต่ออีก 250 บาท แล้วนาย C ก็นำเงินก้อนนั้นฝากกลับไปที่ธนาคารไว้ก่อนอีก หากเราลองทบทวนให้ดี จะเห็นว่าจากจำนวนเงินเริ่มต้น 1,000 บาทของนาย A แต่ในตอนนี้ทั้งนาย A, B และ C ต่างมีเงินฝากธนาคารรวมกัน 1,750 บาทแล้ว ด้วยระบบแบบนี้นี่เองที่เอื้อให้ธนาคารสามารถเสกเงินในรูปแบบของ “หนี้สิน” ได้อีกมากมาย
ถ้าคิดจะลงทุน ให้ลงทุนในค่าเฉลี่ยดัชนีหุ้น
หากเราต้องการลงทุนในหุ้นและกองทุนรวม แต่ไม่ได้มีความสนใจที่จะวิเคราะห์อะไรที่ยุ่งยากซับซ้อนในเรื่องการลงทุนที่แสนจะวุ่นวายเหล่านั้น เราอยากเสนอให้ฟังคำพูดของหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอย่าง Warren Buffett ที่แนะนำให้ทยอยลงทุนในค่าเฉลี่ยหรือ “ดัชนีหุ้น” เป็นหลัก แล้วปล่อยให้โลกของทุนนิยมทำงานไปอย่างที่มันควรจะเป็น เทคนิคนี้นอกจากจะลดโอกาสการขาดทุนอย่างถาวรในระยะยาวแล้ว ยังจะทำให้แผนการลงทุนของเรามีค่าธรรมเนียมที่ต่ำและเรียบง่าย ซึ่งจะทำให้เรามีเวลาเหลือสำหรับไปทำในสิ่งที่เราสนใจจริง ๆ แทนที่จะต้องมากังวลกับการวิเคราะห์ตัวเลขและธุรกิจมากมายด้วยตัวเอง แต่เรื่องนี้ธนาคารและสถาบันการเงินไม่อยากให้คุณรู้นักหรอกครับ เพราะพวกเขาจำเป็นต้องออกผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนที่แปลกใหม่และยุ่งยากซับซ้อน เพื่อเก็บค่าธรรมเนียมในการซื้อขายและการบริหารกองทุนยาก ๆ เหล่านั้นจากพวกเราอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
ค่าเช่าน้อยกว่า 5% ดีกว่าซื้อ
อีกหนึ่งข้อที่ธนาคารไม่อยากให้เรารู้นัก เพราะหนึ่งในสินค้าที่มีความมั่นคงที่สุดของธนาคารทุกแห่งก็คือสินเชื่อที่อยู่อาศัย น้อยคนนักที่กู้เงินซื้อบ้านแล้วอยากจะเสียมันไปง่าย ๆ ทุกคนจะสู้ถึงที่สุดเสมอเพื่อไม่ให้บ้านของตัวเองถูกยึด ธนาคารจึงชื่นชอบที่จะให้พวกเรากู้ซื้อบ้านยาว ๆ เพื่อจะได้เก็บกินดอกเบี้ยไปนาน ๆ แต่ถ้าบ้านหรือคอนโดมิเนียมในระดับที่เราอยากซื้อนั้น เราสามารถหาเช่าได้ในราคาที่ต่ำกว่า 5% ของราคาขาย เราขอแนะนำให้เลือกเช่าบ้านจะ “คุ้มค่าเงิน” มากกว่า อย่าได้รบกวนเงินสินเชื่อของพี่ ๆ ธนาคารเขาเลยครับ เว้นเสียแต่ว่าบ้านหลังนั้นจะมีคุณค่าทางจิตใจกับเราจนความคุ้มค่าทางการเงินไม่ใช่เรื่องหลักสำหรับเราอีกแล้ว เช่นนั้นการซื้อก็อาจมีน้ำหนักมากกว่า ซึ่งถ้าใครอยากรู้รายละเอียดเรื่องนี้เพิ่มเติม สามารถไปอ่านได้ที่บทความ กฎ 5% ของ MenDetails ได้นะครับ
เงินเฟ้อทำให้คนกู้เงินได้เปรียบคนออมเงิน
เป็นที่ถกเถียงกันอยู่เนือง ๆ ว่า สรุปแล้วภาวะที่เรียกว่า “เงินเฟ้อ” หรือการที่เงินเสื่อมค่าลงเรื่อย ๆ นั้น ส่งผลดีหรือผลเสียต่อสังคมมากกว่ากัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลสนับสนุนที่หาข้อสรุปได้ยาก แต่เรื่องที่พิสูจน์ได้ด้วยหลักคณิตศาสตร์พื้นฐานก็คือ “เงินเฟ้อ ทำให้คนที่กู้เงินได้เปรียบคนที่ออมเงิน” นั่นเพราะเงินเฟ้อจะทำให้มูลค่าของเงินที่กู้มาค่อย ๆ น้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่ในทางกลับกัน เงินเฟ้อจะกัดกินเงินออมของคนที่ทำงานหาเงินและอดออมไว้ใช้จ่ายในอนาคตให้ด้อยค่าลงเรื่อย ๆ ทุกวัน ดังนั้นถ้าอยากจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์จากระบบที่ต้องการให้มี “เงินเฟ้อ” ในระดับหนึ่งอย่างต่อเนื่อง เราก็ต้องฝึกทักษะในการกู้เงินมาต่อยอดเพื่อสร้างดอกผล แต่ธนาคารเขาไม่อยากให้เรารู้เรื่องนี้นักหรอกครับ เพราะเขาสงวนการกู้เงินให้กับคนทำธุรกิจ คนที่มีรายได้สูง หรือเครดิตดี ๆ ที่เป็นคนส่วนน้อยในสังคมเสียมากกว่า
เป็นอย่างไรบ้างครับกับ 5 ข้อที่ ธนาคารไม่อยากให้คุณรู้ เราเชื่อว่าหลายเรื่องที่เราเขียนมาในวันนี้อาจเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนไม่เคยรู้มากก่อน หรือมีความเข้าใจผิด ๆ ซึ่งเมื่อเราได้รู้ความจริงเหล่านี้แล้ว จะทำให้เราเข้าใจระบบเศรษฐกิจจริง ๆ ของหลังบ้านธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ มากขึ้น และยังสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ในการลงทุนในอนาคตได้ด้วย ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกท่านนะครับ