อัตราส่วนราคาทองคำ กับ ราคาของชุดสูท หรือ Gold to Suit Ratio คืออัตราส่วนที่สังเกตการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างราคาทองคำกับราคาในการตัดชุดสูทคุณภาพดีของผู้ชายในแต่ละยุคสมัย เป็นเครื่องยืนยันว่า “ทองคำ” คือสิ่งที่รักษามูลค่าในตัวเองได้อยู่เสมอไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม
ทองคำ 1 ออนซ์ ตัดสูทคุณภาพดีได้ 1 ชุดเสมอ
หลักการของ Gold to Suit Ratio คือการเสนอว่า ทองคำหนัก 1 ออนซ์ จะมีราคาและมูลค่าที่มากพอที่จะนำไปแลกเปลี่ยนกับการตัดชุดสูทคุณภาพดีให้กับผู้ชายได้ 1 ชุดเสมอ เริ่มตั้งแต่ในยุคสมัยโรมันโบราณที่ผู้ชายจะสวมใส่ชุดคลุมที่เรียกว่า “โทก้า” (Toga) ซึ่งโทก้าที่ตัดเย็บด้วยผ้าคุณภาพดีเยี่ยมอย่างประณีตบรรจงจะมีราคาประมาณหลักหลายร้อย Denarii ซึ่งเป็นหน่วยเงินของโรมันที่มีมูลค่าใกล้เคียงกับทองคำหนัก 1 ออนซ์ในยุคสมัยดังกล่าว
กาลเวลาผ่านมาถึงยุคคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในประเทศอังกฤษซึ่งถือเป็นมหาอำนาจแห่งยุคและเป็นเมืองหลวงทางด้านแฟชั่นของ Classic Menswear โดยมีถนนซาวิลล์ โรว (Saville Row) เป็นจุดศูนย์กลาง ในยุคดังกล่าวนั้นการตัดสูทสุดคลาสสิคในแบบ British Style คุณภาพดี 1 ชุดจะมีราคาประมาณ 3-4 ปอนด์ ซึ่งเป็นราคาที่เทียบเท่ากับราคาทองคำหนัก 1 ออนซ์ในยุคนั้นเช่นกัน
ข้ามไปดูตัวอย่างทางฝั่งประเทศสหรัฐอเมริกากันบ้าง โดยในช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 20 นั้น สหรัฐอเมริกาดำเนินนโยบายทางการเงินภายใต้มาตรฐานทองคำ (Gold Standard) และทองคำน้ำหนัก 1 ออนซ์จะเทียบได้กับเงินดอลลาร์ประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในยุคนั้น ซึ่งเป็นราคาที่พอดีกันกับการตัดชุดสูทคุณภาพดี 1 ชุดในประเทศสหรัฐอเมริกาเช่นกัน
แม้กระทั่งเมื่อสหรัฐอเมริกาตัดสินใจด้อยค่าเงินของตัวเองด้วยการตั้งระดับราคาทองคำใหม่ให้ไปอยู่ที่ราคา 35 ดอลลาร์ต่อทองคำ 1 ออนซ์ในยุคคริสต์ศตวรรษ 1950 แต่ทว่าการด้อยค่าเงินดังกล่าวก็ไม่ได้ทำให้ Gold to Suit Ratio เกิดความผิดพลาดแต่อย่างใด เพราะสุดท้ายแล้วราคาของชุดสูทในยุคนั้นก็ดีดขึ้นมาที่ราคาประมาณ 35 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับราคาทองคำหนัก 1 ออนซ์อยู่ดีนั่นเอง
ในปี 1971 เมื่อสหรัฐอเมริกาตัดสินใจออกจากมาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ ราคาทองคำจึงพุ่งสูงขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทองคำ 1 ออนซ์ และราคาสูทคุณภาพดีก็มีราคาใกล้เคียงกัน และหลังจากนั้นเป็นต้นมาราคาทองคำก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนในยุคปัจจุบันที่ราคาทองคำ 1 ออนซ์ขึ้นมาอยู่ที่ราว 2,650 ดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2024 หรือประมาณ 91,000 บาทไทย ซึ่งหากเราต้องการจะสั่งตัดสูทคุณภาพดีสัก 1 ชุดบนถนน Savile Row ในกรุงลอนดอน เราก็ยังพอหาได้ที่ราคาประมาณ 91,000 บาทไทยเช่นกัน แสดงให้เห็นว่า Gold to Suit Ratio ยังคงใช้การได้จนถึงปัจจุบันนั่นเอง
บทเรียนจาก Gold to Suit Ratio
ข้อคิดทางการเงินที่เราได้จากการเรียนรู้ Gold to Suit Ratio คือการได้ลองตั้งคำถามเมื่อเราพบเห็นราคาสินค้าหรือบริการที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ในรูปของเงินบาทไทย, ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือปอนด์สเตอร์ลิง ว่าที่จริงแล้วสินค้าเหล่านั้น “แพงขึ้น” ตามปกติ หรือว่าเงินในกระเป๋าของเรามันลดค่าลงกันแน่ ซึ่งทองคำในฐานะโลหะมีค่าที่สังคมมนุษย์เคยนำมาใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการกันในอดีต ถือเป็นหลักฐานอย่างดีที่ทำให้เราได้เห็นว่า หากมนุษย์ยังคงใช้ทองคำเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมาจนถึงปัจจุบัน สินค้าที่เรารู้สึกว่ามันมีราคาสูงเหลือเกินในปัจจุบันอย่างสูทคุณภาพดีสักชุด ความเป็นจริงราคาของมันตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบันก็เท่าเดิมมาโดยตลอด ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
เพียงแต่เงินในกระเป๋าของเราต่างหากที่มันด้อยค่าลง ก็เท่านั้นเอง