เทรนด์ทรงผมก็เหมือนกับแฟชั่นเสื้อผ้าที่จะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามยุคสมัย ในช่วงหลายปีมานี้เทรนด์ผมสั้นสไตล์ Undercut / Fade ได้รับความนิยมทั่วบ้านทั่วเมืองจากความดิบเท่สไตล์ตะวันตก ทั้งยังเซตทรงได้หลากหลาย ให้ลุคคลาสสิกและดูดี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเทรนด์ทรงผมผู้ชายกำลังผลัดเปลี่ยนอีกครั้งสู่เทรนด์ทรงผมยุค 90 ที่ส่วนใหญ่จะเป็นทรงผมยาวหรือผมแสก เน้นความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องเซตให้มากมาย บทความนี้ MenDetails ชวนมาสำรวจว่าเหตุใดเทรนด์ทรงผมยุค 90 ถึงกำลังกลับมา และผู้ชายอย่างเราจะรับมือกับเทรนด์นี้อย่างไรดี
ช่วงเปลี่ยนผ่านของเทรนด์ทรงผมที่น่าจับตา
เทรนด์ทรงผมยุค 90 เริ่มกลับมาแบบเงียบ ๆ และค่อย ๆ ได้รับความนิยมมากขึ้น จุดเริ่มต้นน่าจะมาจากช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่หลายคนอยู่แต่บ้านและไม่ได้ตัดผมเลยเป็นเดือน ๆ ทำให้ผมยาวและก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการตัดผมเอง จากความไม่สมบูรณ์แบบนี้เองทำให้เกิดเป็นทรงผมยุ่ง ๆ ที่มีความยาวพอประมาณ และดูเป็นธรรมชาติจากการที่ไม่ได้เซตเพราะไม่ได้ออกไปไหน ซึ่งมันตรงกับทรงผมในช่วงยุค 90 พอดิบพอดี
ประกอบกับช่วงโควิดเป็นช่วงที่หลายคนเริ่มเล่น TikTok ทำให้มีอินฟลูเอนเซอร์จำนวนไม่น้อยทำคอนเทนต์เกี่ยวกับการตัดผมเองออกมามากมาย พร้อมกับนิยามว่านี่แหละคือทรงผมสไตล์ยุค 90 ที่เคยเฟื่องฟูในอดีต และมันกำลังกลับมาอีกครั้ง!
เมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้น เทรนด์ทรงผมยุค 90 ก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นตามไปด้วย เมื่อไม่ต้องตัดผมเองแล้ว หลายคนเดินไปที่ร้านตัดผมแล้วบอกช่างว่าอยากได้ทรงผมสไตล์ยุค 90 ทำให้ชื่อทรงผม เช่น ทรงแสกกลางหรือ Curtain Haircut, ทรง Mullet, ทรง Wolf Cut, ทรง Bowl Cut, ทรง Spiky ถูกพูดถึงกันหนาหูมากขึ้น
นอกจากนี้ เทรนด์ทรงผมยุค 90 ยังได้รับความนิยมในผู้ชายหลาย ๆ ช่วงวัย โดยผู้ชายอายุระหว่าง 18 – 25 จะเน้นทรงผมที่มีความยาวพอประมาณ สไตล์ยุ่ง ๆ ดูเป็นธรรมชาติ ส่วนผู้ชายที่โตขึ้นมาหน่อย อายุระหว่าง 25 – 35 จะเน้นทรงผมสั้นลงมาเล็กน้อย มีเลเยอร์ และดูสุภาพมากขึ้น อ้างอิงตามสไตล์ของดาราดัง เช่น Leonardo DiCaprio และ Brad Pitt ในภาพยนตร์ยุค 90
Curtain Haircut ซิกเนเจอร์แห่งทรงผมยุค 90
เมื่อพูดถึงเทรนด์ทรงผมยุค 90 ทรงผมที่เป็นซิกเนเจอร์แห่งยุคนี้คือทรงแสกกลางหรือ Curtain Haircut จุดเด่นของทรงนี้คือผมด้านหน้าแสกกลางและยาวงุ้มลงมาที่แก้มทั้งสองข้างลักษณะคล้ายผ้าม่านหรือ Curtain ส่วนผมด้านข้างและด้านหลังจะตัดแบบไล่เลเยอร์โดยไม่ไถเฟด นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความโดดเด่นได้ด้วยการดัดวอลลุ่มให้ผมดูหยักศกอย่างเป็นธรรมชาติ ถือเป็นทรงที่ให้ความสมดุลระหว่างลุคสบาย ๆ กับลุคทันสมัย สะท้อนถึงจิตวิญญาณของยุค 90 ได้ชัดเจนที่สุด
ทรงผมยุค 90 กับผู้ชายเอเชีย
หลายคนอาจกังวลว่าทรงผมยุค 90 ที่มี Reference มาจากดาราชายฝั่งตะวันตกอย่าง Leonardo DiCaprio และ Brad Pitt จะเหมาะกับโครงหน้าคนเอเชียหรือไม่ ข้อนี้ MenDetails ขอยืนยันเลยว่าผู้ชายเอเชียอย่างเราสามารถตัดผมทรง Curtain Haircut, ทรง Mullet, ทรง Wolf Cut, ทรง Bowl Cut หรือทรงอื่น ๆ ที่มีรากฐานมาจากยุค 90 ได้อย่างแน่นอน สามารถดู Reference ได้จากทรงผมของศิลปินดาราไทยในยุค 90 หลาย ๆ คน เช่น เต๋า สมชาย, มอส ปฏิภาน, เจ มณฑล, เจ เจตริน, ลิฟท์กับออย, โดม ปกรณ์ ลัม, หลุยส์ สก๊อต เป็นต้น ซึ่งทรงผมของหลาย ๆ ท่านในยุคนั้นจะเน้นทรงแสกกลางความยาวพอประมาณ แล้วปล่อยด้านข้างกับด้านหลังให้มีเลเยอร์และหยักศกเล็กน้อย ดูเป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องเซต
สิ่งที่ต้องเตรียมเมื่ออยากเปลี่ยนสไตล์ด้วยทรงผมยุค 90
หากคุณสนใจอยากเปลี่ยนสไตล์ด้วยทรงผมยุค 90 สิ่งสำคัญอย่างแรกคือการหา Reference ทรงผมที่ชอบและเข้ากับใบหน้าตัวเอง ตัวอย่างเช่น ผมทรงแสกกลาง ควรไว้ผมด้านหน้าและด้านบนให้ยาวประมาณ 15 – 20 ซม. เมื่อผมยาวได้ที่แล้ว ลองไปที่ร้านตัดผมแล้วการสื่อสารกับช่างให้ชัดเจนเกี่ยวกับความยาวของผมด้านหน้า รวมถึงการตัดด้านข้าง ด้านบน และด้านหลังที่ต้องการ ขั้นตอนนี้หากมีรูปภาพ Reference ให้ช่างดูด้วยก็จะดีมากครับ
สิ่งสุดท้ายที่ต้องเตรียมคืออุปกรณ์จัดแต่งทรงผมที่จำเป็น โดยปกติแล้วทรงผมยุค 90 จะเน้นความเป็นธรรมชาติของเส้นผมมากกว่าการเซตให้อยู่ทรงชัดเจน ดังนั้นอุปกรณ์ที่ใช้ก็จะเป็นพวกอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น ไดร์เป่าผม หวีม้วน หวีแสก ส่วนอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมก็จะใช้มูสกับสเปรย์ล็อกทรงผมเป็นหลัก เพื่อให้ผมดูมีน้ำหนักและอยู่ทรงนานขึ้น
ช่วงทศวรรษที่ 1990 ถือเป็นช่วงที่เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมมากมาย ซึ่งล้วนเป็นอิทธิพลให้เกิดเทรนด์แฟชั่นใหม่ ๆ การแต่งกาย รวมถึงทรงผมที่มีเอกลักษณ์และน่าจดจำ ทรงผมผู้ชายยุค 90 กำลังวนกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ชายหลาย ๆ คนกล้าลุกขึ้นมาลองเปลี่ยนสไตล์ของตัวเอง ขณะเดียวกัน ทรงผมยุค 90 พวกนี้ก็ยังเชื่อมโยงกับยุคที่ขึ้นชื่อในเรื่องความกล้าหาญและความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าสไตล์ที่ดีนั้นไม่มีวันตกยุค หากวันนี้คุณอยากเปลี่ยนสไตล์ สร้างตัวตนด้วยแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ทรงผมยุค 90 เป็นอีกทางเลือกที่น่าลองมาก ๆ ครับ