Seiko เป็นแบรนด์นาฬิกาญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ปี 1881 หลายคนมองว่า Seiko เป็นสัญลักษณ์ของนาฬิกาญี่ปุ่น ทั้งคลาสสิก น่าเชื่อถือ และที่สำคัญคือราคาเข้าถึงง่าย แต่นอกจากจะผลิตนาฬิกา Seiko แล้ว ทางแบรนด์ยังแตกไลน์นาฬิกา Hi-End ออกมาภายใต้ชื่อ Grand Seiko ด้วย แม้ว่าทั้งสองแบรนด์จะมาจากต้นกำเนิดเดียวกันและมีชื่อคล้ายกัน แต่รายละเอียดต่าง ๆ ล้วนแยกจากกันอย่างชัดเจน ทำให้นาฬิกาทั้งสองแบรนด์นี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ในบทความนี้ MenDetails อยากชวนทุกท่านมาสำรวจ ความแตกต่าง ระหว่างแบรนด์ Seiko กับ Grand Seiko ว่ามีอะไรบ้างกันครับ
ความต้องการสร้างนาฬิกาในอุดมคติ
จากจุดเริ่มต้นในการเปิดร้านขายและซ่อมนาฬิกาพกกับนาฬิกาแขวนที่ใจกลางกรุงโตเกียวในปี 1881 ของชายชื่อ Kintaro Hattori ตามมาด้วยการก่อตั้งโรงงาน Seikosha ขึ้นในปี 1892 เพื่อผลิตนาฬิกาแขวนผนัง และเริ่มขยับมาผลิตนาฬิกาพกในปี 1895 จนกระทั่งเปิดตัว Laurel นาฬิกาข้อมือรุ่นแรกของญี่ปุ่นในปี 1913 Seiko แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างนาฬิกาที่มีมาตรฐานแห่งความเที่ยงตรง นวัตกรรม และความประณีตมาตลอด 143 ปี จนมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับไปทั่วโลกในปัจจุบัน
แต่ความมุ่งมั่นและทะเยอทะยานของ Seiko ไม่หยุดแค่ตรงนั้น เพราะแบรนด์ต้องการเดินหน้าสู่ความเป็นเลิศในการผลิตนาฬิกา ทำให้กำเนิดแบรนด์ Grand Seiko ขึ้นมาในปี 1960 โดยมากับแนวคิดในการสร้างนาฬิกาที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับวิสัยทัศน์ที่ต้องการเป็นนาฬิกา ‘ในอุดมคติ’ ที่มีมาตรฐานระดับโลกทั้งในด้านคุณภาพ ความสวยงาม และประสิทธิภาพความเที่ยงตรงเพื่อให้เทียบเท่าหรือเหนือกว่านาฬิกาสวิส
นาฬิกา Grand Seiko รุ่นแรกเปิดตัวในปี 1960 พร้อมกับดีไซน์ที่เรียบง่ายที่สุด หลังจากนั้นแบรนด์ก็เปิดตัวนาฬิกาหลากหลายรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยีด้านกลไกที่มีความแม่นยำ รวมถึงฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ พร้อมด้วยความเป็นเลิศทั้งด้านวัสดุ การตกแต่ง และความสวยงาม ที่กำหนดมาตรฐานของแบรนด์ให้อยู่ในระดับเดียวกับแบรนด์นาฬิกาหรูจากยุโรป นาฬิกา Grand Seiko จึงเป็นดั่งยอดพีระมิดของบริษัท ขณะที่ Seiko ก็ยังเป็นนาฬิกาที่ยอดเยี่ยม เป็นต้นตำรับ เป็นรากฐานสำคัญ และเป็นดั่งแม่แบบในการต่อยอดไปสู่แบรนด์ Grand Seiko และดำรงเจตนารมณ์การเป็นจุดสูงสุดแห่งการสร้างนาฬิกาที่เหมาะสมกับการใช้งานอย่างแน่วแน่มาจนถึงปัจจุบัน พูดได้เต็มปากว่า หากไม่มี Seiko ก็ย่อมไม่มี Grand Seiko ในวันนี้
เอกลักษณ์ด้านวัสดุ
นาฬิกา Seiko ไม่ว่าจะคอลเลกชันใดจะถูกรังสรรค์ขึ้นจากวัสดุคุณภาพสูงเพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่ไม่เพียงแค่สวยงามแต่ยังมีมาตรฐานด้านความแข็งแกร่งและความทนทานในระดับสูง คอลเลกชันนาฬิกา Seiko ส่วนใหญ่มักมาพร้อมวัสดุตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขณะที่รุ่น Hi-End จะใช้วัสดุไทเทเนียม ซึ่งเป็นโลหะที่มีความแข็งแรงสูง สวยงาม หรูหรา และน้ำหนักเบา ผสมผสานกับวัสดุของสายที่มีให้เลือกหลายวัสดุ อาทิ สเตนเลส ไปจนถึงหนังจระเข้
สำหรับ Grand Seiko จะโดดเด่นด้านความหลากหลายของวัสดุตัวเรือน ได้แก่ สเตนเลสสตีล, ไทเทเนียมความหนาแน่นสูง, Ever-Brilliant Steel, แพลทินัม และทองคำ 18K ซึ่งนาฬิกาหลาย ๆ คอลเลกชัน อาทิ ซีรีส์ 44GS และ 62GS จาก Heritage Collection ยังใช้เทคนิคการผลิตขั้นสูงอย่างเช่นการขัดเงาแบบ Zaratsu ซึ่งเป็นศิลปะที่มีรากฐานมาจากการตีดาบของชาวญี่ปุ่นโบราณ สิ่งที่ได้คือนาฬิกาคุณภาพชั้นยอดที่สง่างามและเปล่งประกายที่สุด ขณะที่วัสดุของสายก็มีความหลากหลายเช่นกัน
ประสิทธิภาพความแม่นยำระดับผู้นำ
ความแม่นยำเป็นคุณสมบัติสำคัญของนาฬิกา Seiko และ Grand Seiko ทุกเรือน ซึ่งจุดเด่นของทั้งสองแบรนด์คือมีกลไกนาฬิกาให้เลือกใช้งานหลายประเภททั้งกลไก Quartz, กลไกอัตโนมัติ ไปจนถึงกลไก Spring Drive ที่เป็นการผสมผสานกลไก Quartz และกลไกเชิงกลเข้าด้วยกัน ทำให้ได้นาฬิกาที่มีความแม่นยำสูงจนสามารถแข่งขันกับกลไกของนาฬิกาแบรนด์ระดับโลกได้ ซึ่งกลไกนี้มีความแม่นยำอยู่ในระดับที่โดดเด่น คือ ±15 วินาที/เดือน เทียบเท่ากับ ±1 วินาที/วัน
นาฬิกา Seiko หลายรุ่นยังมีจุดเด่นที่กลไก Kinetic ที่สามารถเปลี่ยนพลังงานจลน์จากการแกว่งแขนขณะสวมใส่มาเป็นกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ในตัวเก็บประจุ เช่นเดียวกับกลไกโซลาร์ที่สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นกระแสไฟฟ้าสำรองเก็บไว้ได้ กลไกทั้ง 2 ประเภทนี้ช่วยให้นาฬิกามีพลังงานสำรองยาวนานมากขึ้น
แม้ว่านาฬิกา Grand Seiko จะไม่มีกลไก 2 ประเภทข้างต้น แต่ก็แทนที่จุดเด่นด้านรายละเอียดของวัสดุ ชิ้นส่วน และความซับซ้อนของกลไกที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อความเป็นเลิศด้านความแม่นยำ กลไกหลายรุ่นของ Grand Seiko สร้างชื่อเสียงด้านความแม่นยำจนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก อาทิ กลไกจักรกลตระกูล 9S ที่ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1998 พร้อมกับสร้างมาตรฐานด้านความเที่ยงตรงของตัวเองที่สูงกว่ามาตรฐาน Chronometer และยังคงได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ความสวยงามและคุณค่าของงานฝีมือ
นาฬิกา Seiko ทุกคอลเลกชันมากับคุณภาพการผลิตและความสวยงามในขั้นยอดเยี่ยม พร้อมกับเอกลักษณ์การออกแบบเฉพาะตัวที่ตอบโจทย์กับการใช้ในงานหลาย ๆ กิจกรรม อาทิ นาฬิกาคอลเลกชัน Prospex ที่ออกแบบสำหรับการใช้งานในกิจกรรมทางน้ำ, คอลเลกชัน Astron ที่มาพร้อมกลไก Solar GPS, คอลเลกชัน Presage ที่มากับดีไซน์แบบคลาสสิกและหรูหรา ไปจนถึงคอลเลกชัน King Seiko ที่มุ่งเน้นด้านความงามและคุณค่าแบบดั้งเดิม ซึ่งนาฬิกา Seiko ทุกคอลเลกชันล้วนมีความสวยงามในแบบฉบับของตัวเอง และส่งผ่านคุณลักษณะเด่นผ่านงานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ สะท้อนความเป็นญี่ปุ่นที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด
ส่วนความงามของนาฬิกา Grand Seiko มาจากเรื่องราวและแรงบันดาลใจที่ถ่ายทอดออกมาเป็นงานตกแต่งสุดประณีตและพิถีพิถัน นาฬิกาหลายรุ่นใช้เทคนิคขั้นสูงของญี่ปุ่นที่หาชมได้ยากในผลิตส่วนประกอบบนตัวนาฬิกา เช่น ลวดลายของหน้าปัด รูปทรงของเข็ม รูปทรงเม็ดมะยม หลายรุ่นยังใช้เทคนิคการลงสีและการขัดแต่งพื้นผิวแบบพิเศษ รวมถึงการประกอบอย่างประณีตด้วยมือของช่างทำนาฬิกามากประสบการณ์ภายใต้การควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด นี่จึงเป็นเหตุผลที่บอกว่านาฬิกา Grand Seiko เปรียบเสมือนเครื่องประดับทรงคุณค่าบนข้อมือ
ตำแหน่งทางการตลาด
บริษัท Seiko แบ่ง Positioning ผลิตภัณฑ์ของตัวเองไว้ชัดเจน โดยนาฬิกาแบรนด์ Seiko จะเป็นนาฬิกาที่น่าเชื่อถือในมาตรฐานราคาที่ไม่แพงเกินไป ขณะที่ Grand Seiko ถูกวางไว้ให้เป็นนาฬิกา Luxury ที่อยู่ในระดับเดียวกับแบรนด์นาฬิกาหรูสวิตเซอร์แลนด์ทั้งหลาย เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ต้องการคุณภาพด้านความแม่นยำและความสวยงามที่มีคุณค่า
ราคา
นาฬิกา Seiko มีให้เลือกตั้งแต่ราคาต่ำกว่าหมื่นบาทไปจนถึงหลักแสนบาท เหมาะสำหรับผู้ที่มองหานาฬิกาข้อมือคุณภาพดี คุ้มค่า เชื่อถือได้ และมีราคาสมเหตุสมผล นอกจากนี้ ความหลากหลายของนาฬิกา Seiko ยังตอบโจทย์ความต้องการได้ครอบคลุมทุกกิจกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่อีกด้วย
สำหรับนาฬิกา Grand Seiko จะมีราคาอยู่ที่ระดับหลักแสนบาทเป็นต้นไป โดยราคาจะขึ้นอยู่กับคอลเลกชัน วัสดุ เทคนิคการผลิต การตกแต่ง และความพิเศษเฉพาะของแต่ละเรือน
ทั้งหมดนี้คือความแตกต่างระหว่าง Seiko กับ Grand Seiko ที่ MenDetails เชื่อว่าน่าจะพอคลายความสงสัยที่หลายคนมีต่อนาฬิกาญี่ปุ่นทั้งสองแบรนด์นี้ลงไปได้ แน่นอนว่าทั้งคู่คือผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำของโลกใบนี้ มีเอกลักษณ์ของตัวเองที่ชัดเจน และเป็นแบรนด์นาฬิกาที่ดีทั้งคู่ ไม่ว่าคุณจะเลือกเรือนไหน คุณจะพึงพอใจกับคุณภาพที่ได้รับอย่างแน่นอนครับ