ท่ามกลางนาฬิกามากมายในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า Seiko คือหนึ่งในผู้ผลิตนาฬิกาที่มีอัตลักษณ์ของตัวเองชัดเจนที่สุดแบรนด์หนึ่ง นอกจากประวัติศาสตร์และมรดกที่ยืนยาวกว่า 143 ปี Seiko ยังมีตัวเลือกนาฬิกาครบแทบจะทุกเซกเมนต์ หนึ่งในนั้นคือ King Seiko ที่ยืนหยัดในฐานะของความหรูหราและคุณภาพในการบอกเวลา ผสมผสานคุณค่าที่สะท้อนถึงความพิถีพิถันในรายละเอียด ความเป็นเอกลักษณ์ของงานฝีมือแบบญี่ปุ่น และการดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง วันนี้ MenDetails อยากพาทุกคนไปรู้จักนาฬิกาคอลเลกชัน King Seiko ให้มากขึ้น และดูว่ามีเรือนไหนบ้างที่น่าสนใจในตอนนี้
The Origin of “King Seiko”
ทศวรรษ 1960 เป็นช่วงเวลาแห่งความก้าวหน้าของ Seiko ทั้งในแง่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ นอกจาก Grand Seiko แล้ว ช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนี้ยังมีนาฬิกาอีกหนึ่งซีรีส์ถือกำเนิดขึ้นคือ King Seiko นี่คือนาฬิกาที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างสรรค์นาฬิกาจักรกลที่ยอดเยี่ยมทั้งด้านการออกแบบ งานตกแต่งสุดประณีต รวมถึงประสิทธิภาพในการบอกเวลา ซึ่งเป็นไปตามความตั้งใจของคุณ Kintaro Hattori ที่ต้องการให้มีคอลเลกชันนาฬิกาชั้นสูงพร้อม ๆ กัน 2 คอลเลกชันเพื่อให้เกิดการแข่งขันพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นภายในองค์กร
King Seiko เป็นนาฬิกาที่มีทั้งประสิทธิภาพในการบอกเวลาที่แม่นยำและงานออกแบบอันสง่างามภายใต้รูปลักษณ์ที่เรียบง่าย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคุณภาพระดับสูงที่ถูกส่งต่อมาถึงทุกวันนี้ แม้ว่าจะยุติการผลิตไปในปี 1970 แต่ชื่อเสียงและความน่าสนใจของนาฬิการุ่นนี้ยังคงได้รับการพูดถึง จนในที่สุดคอลเลกชัน King Seiko ก็กลับมาผลิตอีกครั้งในปี 2021 ถือเป็นการเริ่มต้นใหม่อย่างเต็มรูปแบบและพร้อมจะก้าวไปสู่อนาคตอย่างมั่นคง
King Seiko กับการเดินทางครั้งใหม่ในปัจจุบัน
ปัจจุบันคอลเลกชัน King Seiko ทำตลาดด้วยกัน 2 ซีรีส์ ได้แก่ KSK ที่เป็นการสานต่อนาฬิการะดับตำนานจากปี 1965 มาตีความใหม่ด้วยการนำเสนอความร่วมสมัย ผสมผสานการออกแบบที่เรียบง่ายและรายละเอียดที่เคารพต้นฉบับ และซีรีส์ KS1969 รูปทรงตัวเรือนจากปี 1969 ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สำหรับกลไกที่ใช้ในนาฬิกา King Seiko ปัจจุบันมีด้วยกัน 2 ประเภทหลัก ได้แก่ Caliber 6R และ 6L ทั้งคู่เป็นกลไกระบบอัตโนมัติ โดย Caliber 6R มีใช้ทั้งหมด 3 รุ่น 6R55, 6R51 และ 6R31 จุดเด่นคือการสำรองพลังงานได้สูงสุด 72 ชั่วโมง หรือราว 3 วัน ส่วน Caliber 6L มีจุดเด่นในเรื่องของความบางตัวเรือน
King Seiko กับโมเดลที่เราอยากแนะนำ
KS1969
KS1969 เป็นนาฬิกาซีรีส์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2024 จุดเด่นคือตัวเรือนรูปทรงโค้งมนที่ถอดแบบมาจากนาฬิกา King Seiko 45KCM ปี 1969 ปรับปรุงดีไซน์ให้เข้ากับยุคปัจจุบันด้วยกระจกแซฟไฟร์ทรงกล่อง (Box-Shaped) พร้อมตัวเรือนบางเฉียบเพียง 9.9 มม. และมากับสายนาฬิกาแบบหลายแถว ภายในหน้าปัดขนาด 39.4 มม. มีหลักชั่วโมงตำแหน่ง 12 นาฬิการูปทรงขนนกปลายลูกศรโบราณของชาวญี่ปุ่น พร้อมเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีตัดมุมทั้งสามด้าน สะท้อนความงามที่โดดเด่นและเรียบง่ายในทุกมุมมอง
สำหรับกลไกของ KS1969 เป็นกลไกอัตโนมัติ Caliber 6L35 สำรองพลังงานได้ 45 ชั่วโมง ฝาหลังประดับตราสัญลักษณ์โล่ที่เป็นเครื่องหมายของ King Seiko เอาไว้อย่างสวยงาม เปิดตัวด้วยกัน 4 โมเดล ได้แก่ SJE109J หน้าปัดสีเงิน, SJE111J หน้าปัดสีม่วงเอโดะ, SJE113J หน้าปัดสีเขียว และ SJE115J หน้าปัดลายเกล็ดมังกรสีฟ้า ซึ่งเป็นรุ่นฉลองครบรอบ 100 ปีแบรนด์ Seiko
SJE089J
King Seiko เรือนนี้ได้แรงบันดาลใจจากความละเอียดอ่อนและความสง่างามของนาฬิกา KSK รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 1965 โดดเด่นด้วยหน้าปัดขนาด 38.6 มม. สีเงินที่ตกแต่งด้วยเทคนิคแบบซันเรย์ ให้ความเรียบง่ายแต่ละเอียดอ่อน ครอบทับด้วยกระจกแซฟไฟร์คริสตัลทรงกล่อง พร้อมรายละเอียดบนหน้าปัดอันเป็นเอกลักษณ์อย่างหลักชั่วโมงตำแหน่ง 12 นาฬิกาที่มีความกว้างมากกว่าหลักชั่วโมงตัวอื่นสองเท่า รวมถึงเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีมีการเจียระไนเหลี่ยมเพชรอย่างสวยงาม ในส่วนของกลไกใช้เป็น Caliber 6L35 ที่สำรองพลังงานได้ 45 ชั่วโมงและมีช่องวันที่ ซึ่งกลไกรุ่นนี้มีส่วนทำให้ตัวเรือนสเตนเลสสตีลของนาฬิการุ่นนี้บางเพียง 10.7 มิลลิเมตรเท่านั้น
SPB389J
KSK รุ่นนี้มากับหน้าปัดขนาด 38.3 มม. สีน้ำเงินครามที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 ซึ่งเป็นช่วงที่ King Seiko กำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรืองและมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง พร้อมด้วยจุดเด่นประจำซีรีส์อย่างหลักชั่วโมงตำแหน่ง 12 นาฬิกาที่กว้างกว่าหลักชั่วโมงตัวอื่นสองเท่า งานตกแต่งในภาพรวมจะเน้นความวินเทจ สามารถถอดเปลี่ยนเป็นสายหนังได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายดายด้วยระบบ interchangeable ส่วนกลไกของรุ่นนี้จะใช้กลไกอัตโนมัติ Caliber 6R55 สำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง หรือประมาณ 3 วัน สามารถขึ้นลานด้วยมือได้ และมีช่องวันที่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกา
SPB283J
นาฬิการุ่นนี้มากับหน้าปัดขนาด 37 มม. สีดำคลาสสิก ไม่มีช่องวันที่ มาพร้อมเอกลักษณ์เด่นประจำซีรีส์อย่างหลักชั่วโมงตำแหน่ง 12 นาฬิกาที่กว้างกว่าหลักชั่วโมงตัวอื่นสองเท่า ติดตั้งกลไกอัตโนมัติ Caliber 6R31 สำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง ดีไซน์ภาพรวมของรุ่นนี้จะให้ความเรียบหรูและสะอาดตา เหมาะกับคนข้อมือเล็ก
คอลเลกชันที่ลงตัวสำหรับ Classic Menswear
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ King Seiko เป็นที่ชื่นชอบและได้รับความนิยมไปทั่วโลกคือดีไซน์ของนาฬิกาที่คลาสสิกและเรียบง่าย ลงตัวกับสไตล์การแต่งตัวแบบ Classic Menswear ได้พอดิบพอดี จึงเหมาะเป็น Dress Watch สำหรับสวมใส่คู่กับสูทสไตล์อิตาลีสำหรับงานทางการ หรือสวมใส่กับเสื้อเชิ้ต Oxford และกางเกงชิโน่ในลุคกึ่งทางการสำหรับวันสบาย ๆ ทั่วไป
รูปลักษณ์ของนาฬิกา King Seiko เน้นความสง่างาม หรูหรา เรียบง่าย และสมดุล สามารถช่วยยกระดับการแต่งตัวของคุณให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น King Seiko KSK เหมาะสำหรับวันทำงานที่ต้องการลุคที่ดูมืออาชีพ ในขณะที่ King Seiko KS1969 ก็สามารถเสริมลุคในงานทางการหรือโอกาสพิเศษได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งสองซีรีส์นี้เปรียบเสมือนการลงทุนในสไตล์ที่ไม่มีวันล้าสมัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายทุกคนควรมีไว้ในคอลเลกชันส่วนตัว
King Seiko ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องบอกเวลาบนข้อมือที่ไว้ใจได้ แต่เป็นสัญลักษณ์ของคุณค่าที่อยู่เหนือกาลเวลาจากประวัติศาสตร์และงานฝีมือที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ บวกกับการออกแบบที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของญี่ปุ่น นี่คือนาฬิกาอีกหนึ่งคอลเลกชันที่ผู้ชายควรรู้จัก และหากคุณกำลังมองหานาฬิกาจักรกลที่มีคุณภาพและตอบโจทย์การแต่งตัวสไตล์ Classic Menswear อยู่ละก็ MenDetails มองว่า King Seiko ทั้งตัว KSK และ KS1969 เป็นตัวเลือกที่ใช้ได้เลยครับ
ดูข้อมูลนาฬิกา King Seiko เพิ่มเติมได้ที่ seikowatches.com หรือไปลองสัมผัสตัวจริงได้ที่ Seiko Boutique เซ็นทรัล แกรนด์ พระราม 9 และ เคาน์เตอร์ไซโก ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทุกสาขา